สระบุรี ชายพิการติดเตียง ครอบครัวรายได้ไม่เพียงพอ วอนช่วยเหลือ** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน

แชร์ข่าวนี้

สระบุรี ชายพิการติดเตียง ครอบครัวรายได้ไม่เพียงพอ วอนช่วยเหลือ

ชาวบ้านแจ้งขอความช่วยเหลือชายพิการติดเตียง ครอบครัวมีรายได้ไม่เพียงพอ ลูกชายทำงานรับจ้างมีรายได้ไม่แน่นอนมีงานอาทิตย์ละ 1-2 วัน ได้วันละ200-300 บาท บางอาทิตย์ก็ไม่มีรายได้  ส่วนลูกอีกคนต้องหยุดรับจ้างมาคอยดูแลพ่อที่ป่วย และดูแลลูกของหลานที่เรียนระดับอนุบาล บางวันไม่มีเงินให้ไปโรงเรียน

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 117/3 ภายในชุมชนเขายิงเป้า ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี หลังจากมีชาวบ้านส่งข้อมูล ขอความช่วยเหลือชายป่วยติดเตียงครอบครัวยากจน ซึ่งเป็นบ้านยกสูงด้านล่างก่ออิฐกั้นเป็นห้อง พบนายบุญยะ หลงแก้ว 70 ปีเศษ นอนอยู่บนเตียง โดยมีนายอู หลงแก้ว 48 ปี ลูกชายคนโตคอยดูแลเช็ดตัว และคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำให้  โดยนายอู บอกว่า พ่อเมื่อก่อนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และเก็บของเก่าขาย เพิ่งป่วยติดเตียงเดินไม่ได้ประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นประมาณเมื่อ 8 ปีที่แล้ว พ่อมีอาการเส้นเลือดตีบในสมอง และไปรักษาตัวจนอาการดีขึ้น เดินไม่สะดวกยังคงมีอาการชาแต่ยังพอเดินได้ ต่อมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พ่อเกิดล้มอีกครั้ง และคราวนี้เกิดเป็นอัมพฤกษ์ข้างซ้าย ต้องนอนรักษาตัวอยู่อย่างนี้ตั้งแต่คราวนั้นเป็นต้นมา

นายอู บอกกับผู้สื่อข่าว เพิ่มเติมว่า ที่บ้านหลังนี้อยู่ในอยู่ในชุมชนซึ่งเป็นที่ดินของทหารนานกว่า 40-50 ปีแล้ว อยู่ด้วยกัน 5 คน  คือพ่อที่ป่วย ตนเองเป็นลูกคนโต น้องชายคนเล็กออกไปรับจ้างและเก็บของเก่าขายมีรายได้ไม่แน่นอนอาทิตย์หนึ่งจะมีงานประมาณ 1-2 วัน ได้วันละ 200 -300 บาท ส่วนหลานชายอีกคนที่เคยอยู่บ้านหลังนี้ได้สมัครไปเป็นทหารเข้าประจำการเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา และลูกของหลานที่เรียนระดับอนุบาลโรงเรียนวัดบำรุงธรรม นายอู บอกเสริมว่า ตัวเองก่อนหน้านี้ก็ไปเก็บของเก่า และรับจ้างบ้าง แต่ตอนหลังไม่ได้ไปเพราะหากออกไปก็จะไม่มีใครดูแลพ่อหายาหาข้าวให้กินตอนกลางวัน และมีเด็กที่เป็นลูกของหลานเรียนระดับอนุบาลที่ต้องคอยดูแลด้วย พ่อมีเงินช่วยเหลือเดือนละประมาณ 1,500 บาท เป็นเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้พิการ และเงินผู้สูงอายุ ตอนนี้มีญาติได้นำเหล็กติดกระทะล้อรถที่เป็นตัวถ่วงมาให้แกะชั่งเป็นน้ำหนักกิโลกรัมโดยทำงานที่บ้าน แต่ก็ทำได้ไม่มาก ตอนนี้จึงอาศัยเงินจากน้องชายที่ออกไปรับจ้าง และเงินของพ่อผู้พิการและเงินผู้สูงอายุ เท่านั้น ที่มาเลี้ยงดูครอบครัว

สำหรับการเป็นอยู่ค่อนข้างลำบากขาดแคลน บางวันไม่มีเงินให้หลานไปโรงเรียนก็รู้สึกสงสาร ส่วนอาหารการกินตามมีตามเกิดเท่าที่มี ส่วนพ่อก็จะมีเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขเทศบาลเข้ามาขอดูแลตรวจสุขภาพ ต่อเนื่อง ทางด้านหลานที่ไปเป็นทหารผู้บังคับบัญชาได้มาเยี่ยมและมอบสิ่งของเครื่องใช้และอาหารแห้งให้ไว้บ้าง

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าหากมีความจำเป็นต้องการสิ่งของไว้ใช้อยากได้อะไร นายอู กล่าวว่า อยากมีข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และนม ขนมไว้ให้หลาน

** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน