สระบุรี คืบหน้า ตร. นำตัวหนุ่มทุบก้อนอิฐกำแพงศาลหลักเมืองขอขมาศาล** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน

แชร์ข่าวนี้

สระบุรี คืบหน้า ตร. นำตัวหนุ่มทุบก้อนอิฐกำแพงศาลหลักเมืองขอขมาศาล

วันที่ 8 มิถุนายน 2566 จากกรณีที่เมื่อ วันที่ 3 มิถุนายน2566 นายหมู่เอกชัชวาลย์ นิ่มไหมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนเมืองสระบุรี ได้รับแจ้งว่าในพื้นที่ศาลหลักเมืองสระบุรีบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองสระบุรี ถ.พิชัยฯต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ได้มีคนนำก้อนอิฐประสานที่ก่อเป็นกำแพงรั้วศาล นำไปขว้างปาลงสู่พื้นรอบๆ ศาลหลักเมือง ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า บริเวณพื้นศาลหลักเมือง ด้านหลังของศาล มีเศษก้อนอิฐกำแพงศาล แตกกระจายเกลื่อนพื้น และโคมไฟไม้ที่ตั้งอยู่บนหัวเสาก็ถูกรื้อทำลายขว้าง ปาใส่พื้นหักพังเสียหาย ถังขยะด้านหลังศาลถูกยกขึ้นไปบนพื้น และนำเศษขยะออกจากถังโยนใส่พื้นกระจายอยู่ทั่วไป ที่พื้นศาลยังพบถังตะเกียงที่มีไว้ให้ผู้ที่มากราบไหว้ใช้เติมนำมันตะเกียงถูกเลื่อนย้ายจากจุดที่ตั้งไปอยู่ท้ายศาล

จากนั้นพ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาล ผกก.สภ.เมืองสระบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวน สภ.เมืองสระบุรี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมตรวจกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง และไล่ตรวจกล้องตามจุดต่างๆ จนพบรถที่ต้องสงสัยขับขี่ออกจากที่เกิดเหตุ และสืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นนายอนุชา (เอ๋) ธุวัต อายุ 28 ปีอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 39/2 ม.1 ต.ดาวเรือง อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้เชิญตัวนายเอ๋  สอบยังห้องสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี พร้อมตรวจสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งไม่พบว่ามีการเสพสารเสพติดแต่อย่างได และในการสอบสวน นายเอ๋ ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง เนื่องจากว่าวันเกิดเหตุตนเองเกิดจากความเครียด และแรงกดดันในตัวเอง น้อยใจที่โดนใส่ร้ายป้ายสี จึงได้ขี่รถจักยานยนต์ยี่ฮ้อฮอนด้า ซูโม่เอ็กซ์ สีเหลือง ดำ หมายเลขทะเบียน 3กณ 7997 กรุงเทพหานคราตามถนนเรื่อยๆ และเมื่อถึงที่ศาลจึงได้จอดรถข้างที่ดินจังหวัด และเดินเข้ามาภายในศาล ประกอบกับตนเองได้ดื่มเหล้ามาด้วยมีอาการมึนเมา  จึงได้เอาก้อนอิฐที่กำแพงศาลขว้างปาลงพื้น พร้อมยกถังขยะขึ้นไปด้วย เหมือนกับว่ามีอะไรมาดลจิตดลใจให้ตนเองมาทำที่นี่ ซึ่งทุกทีตนเองก็ไม่เป็นแบบนี้ ตนเองมีอาชีพรับจ้างตัดหญ้า

ล่าสุดวันนี้ เวลา 09.00 น.พ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาน ผกก.สภ.เมืองสระบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี ได้ควบคุมตัวนายอนุชา (เอ๋) ธุวัต มายังศาลหลักเมืองสระบุรี เนื่องจากว่านายอนุชา มีความประสงค์ที่จะมาขอขมาต่อศาลหลักเมือง เพื่อขอให้อภัยกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตนเองไปขอขมาต่อศาล ที่ได้กระทำการอันล่วงเกินต่อศาล ซึ่งมีนางสมใจ (น้อย) ฤทธิชัย (แม่)พร้อมด้วยป้าของนายอนุชา มาร่วมในพิธีด้วย และเมื่อถึงศาลหลักเมือง ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำ พวงมาลัย ผ้าสามสี ธูป แผ่นทอง และน้ำมันเติมตะเกียง มามอบให้นายอนุชา เพื่อไปสักการะเป็นการขอขมาต่อศาลหลักเมือง และพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวของชาวจังหวัดสระบุรี จากนั้นนายอนุชา ได้จุดธูป บอกขอขมาสิ่งที่ได้ล่วงเกินไป โดยขอให้ศาลหลักเมืองอภัยในสิ่งที่ทำลงไป จากนั้นได้นำผ้าสามสีไปผูกที่เสาศาลหลักเมือง และปิดแผ่นทองที่ศาลหลักเมือง และพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี พร้อมเติมนั้นตะเกียง รอบๆศาล โดยนายอนุชากล่าวว่าตนเองรู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้เข้ามาขอขมา และขณะที่ขอขมาศาลตนเองยังขนลุก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวกลับยัง สภ.เมืองสระบุรี

ส่วนทางด้านกฎหมาย ทาง พ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาน ผกก.สภ.เมืองสระบุรี กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ทำลายทรัพย์สิน ทำให้เสียทรัพย์ จากนั้นจะสรุปสำนวน เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และส่งฟ้องศาลในวันนี้

ทางด้านนางสมใจ (น้อย) ฤทธิชัย (แม่) อายุ 53 ปี เล่าว่าลูกชายของตนเองเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ และเสียใจอยู่พักหนึ่ง เนืองจากว่าภรรยาที่อยู่กินด้วยกันหนีไป ซึ่งก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ซึ่งช่วงที่ลูกชายเครียดตนเองก็ได้พาไปรักษาที่ รพ.สระบุรี หมอบอกว่าเกิดจากภาวะจิตใจ และสมอง ซึ่งก็ไปรักษากับหมอเพียง 2 ครั้ง ซึ่งนางน้อยก็ยอมรับว่าลูกชายตนเองป่วยทางจิตอยู่ โดยหอบอกให้รักษาต่อเนื่อง แต่ลูกชายตนเองไม่ยอมกินยา และนำยาไปทิ้ง ไม่ยอมไปรักษาอีก ตนเองพยายามจะพาไปพบหมอ แต่ก็ไม่ยอมไปรักษา ซึ่งวันเกิดเหตุตนเองก็ได้โทรหาลูกชายให้กลับบ้าน แต่ลูกชายบอกว่านั่งกินเหล้ากับพวกที่ทำงานด้วยกัน ไม่ได้ไปไหน

** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน