สระบุรี  คืบหน้าฝนตกหนักต่อเนื่องแม่น้ำป่าสักเซาะริมตลิ่งพัง บ้านพัก1 หลังรถจักรยานยนต์จมหายร่วม 10 คัน** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน

แชร์ข่าวนี้

 

สระบุรี  คืบหน้าฝนตกหนักต่อเนื่องแม่น้ำป่าสักเซาะริมตลิ่งพัง บ้านพัก1 หลังรถจักรยานยนต์จมหายร่วม 10 คัน

วันที่ 5 ตุลาคม 2566 จากกรณีที่นายวีรพล โพธิ์สีทอง ผู้ใหญ่บ้าน ได้รับแจ้งเหตุจากลูกบ้าน ว่ามีตลิ่งริมถนนพังเสียหาย รถจักรยานยนต์ จมหายไปร่วม 10 คัน นอกจากนี้ยังมีบ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจของป้อมตำรวจหมู่บ้านโดนน้ำกัดเซาะจมหายเสียหายไปกว่าครึ่งหลัง และยังมีถนนริมแม่น้ำทรุดตัวกว่า 50  เมตร หลังจากได้รับแจ้งได้ประสานงานไปยังฝ่ายปกครอง อ.แก่งคอย  องค์การบริหารส่วนตำบลตาลเดี่ยว ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ แขวงการทางสระบุรี การไฟฟ้า จ.สระบุรี  และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกตัญญู สระบุรี และมูลนิธิป่อเต็กตึ้งสระบุรี เข้าทำการช่วยเหลือ ซึ่งที่เกิดเหตอยู่บริเวณริมถนนสุดบรรทัด (สะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก ต.ตาลเดี่ยว – ต. เตาปูน ม.2 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

สืบเนื่องจากวันนี้มีฝนตกในพื้นที่ จ.สระบุรีเป็นบริเวณกว้าง ทำให้มวลน้ำในแม่น้ำป่าสักมีปริมาณมาก และสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวมีกำลังแรง และเร็วได้กัดเซาะผนังดินริมตลิ่งพังยาวกว่า 100 เมตรและทรุดลงมา ลึกราว 50 เมตร  ซึ่งเห็นได้ชัด ได้ไหลผ่านแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ ประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นทางโค้งของแม่น้ำ  เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบว่า ริมตลิ่งทรุดเป็นทางยาว 100 เมตร ทรุดตัวลงลึกว่า 50 เมตร พบบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจป้อมหมู่บ้านพังไปครึ่งหลัง  รถจักรยานยนต์ร่วม 10 คัน (ซึ่งจอดอยู่เป็นของพนักงานที่ทำงานเข้ากะของโรงงานในย่านนั้นมาจอดไว้ )  นอกจากนี้ยังมีเสาวิทยุ ของป้อมตำรวจหมู่บ้านล้มพังเสียหาย และถนนริมตลิ่งเกิดอาการทรุดตัวพังเสียหายกว่า 50  เมตร  จากนั้นเจ้าหน้าทีกู้ภัยฯได้นำรถจักรยายนต์ 2 คันที่ยังไม่ร่วงหล่นไปในแม่น้ำป่าสัก เอาขึ้นมาได้จำนวน 2  คัน (โดยไม่ทราบว่าเป็นของใครมาจอดไว้คาดว่าน่าจะเป็นพนักงานที่ทำงานกะมาจอดที่ไว้  ) ส่วนที่เหลือ คาดว่าน่าจะจมไปในแม่น้ำป่าสักเรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้า พบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ มีเพียงเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้า เข้ามาทำการยกเสาไฟฟ้าที่ถูกดินสไลค์ลง ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่าเสาไฟฟ้าจะล้มลง และสายไฟที่เกาะติดกับเสา จะดึงเอาเสาไฟฟ้าต้นอื่นล้มตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านเขามาดู พื้นดินที่ถูกสไลค์ลงกันเป็นระยะๆ

ส่วนทางด้านนายวิเชียร จอนบัณฑิต  เล่าว่าเมื่อวานตนได้มานั่งตกปลา อยู่บริเวณดังกล่าว แต่ยังไม่มีเหตุการณ์ไดๆ เกิดขึ้น มาทราบข่าวที่หลังว่าเกิดดินสไลค์ตรงบริเวณที่ตนเองมานั่งตกปลา โชคดีที่ตนเองกลับบ้านไปก่อน ที่จะเกิดเหตุ เนื่องจากว่ามีฝนตกลงมาหนักตนจึงได้กลับบ้าน ส่วนสาเหตุที่เกิดดินสไลค์ ตนคิดว่าน่าจะเกิดจากว่า เมื่อวานมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง มาหลายวัน อาจทำให้ท่อระบาย ระบายน้ำไม่ทัน ทำให้น้ำล้นทะลักที่ท่อระบายน้ำ ทำให้ดินที่ฝังท่อเกิดการอุ้มน้ำ เกิดการสไลค์ขึ้น

ทางด้านนายชนินทร์ ทองแผ่น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า เล่าว่าสาเหตุที่เกิดดินสไลค์ตนเองคิดว่า เกิดจากน้ำในท่อระบายน้ำ เกิดแรงดัน ทำให้น้ำไหลออกจากท่อระบายน้ำ ทำให้ดินบริเวณรอบๆชุ่มน้ำ และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาก็ไหลมารวมยังท่อระบายน้ำทั้งหมด และเมื่อเกิดแรงดันน้ำ ทำให้น้ำทะลักออกจากท่อระบายน้ำ และดินที่อยู่บริเวณรอบๆเกิดชุมน้ำจึงทำให้เกิดการสไลค์ของพื้นดิน

ทางด้านนายมงคล สุขศิลา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตาลเดี่ยว เล่าว่า ขณะน้ำได้ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะประสานไปยังแขวงการทางสระบุรี และกรมเจ้าท่า ให้เข้ามาดำเนินการแก้ไข เนื่องจากว่า พื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ แขวง และกรมเจ้าท่า ส่วนทาง อบต.ก็จะเป็นตัวประสานให้เข้ามาดำเนินการ โดยทางแขวง และกรมเจ้าท่าจะเข้าตรวจสอบที่หน้างานในเวลา 10-11 โมงวันนี้ ในส่วนรถจักรยานยนต์ที่ถูกสไลค์ลงไป ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไร แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามรถนำขึ้นมาได้จำนวน 2 คัน ซึ่งทางตนเองก็จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ว่าคนที่เลิกงานแล้วมาแจ้งว่ามีรถจักรยานยนต์สูญหายเท่าไร จะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยฯให้ช่วยค้นหา ทางด้านนายมงคล กล่าวเสริมว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นจุดเสี่ยง ส่วนสาเหตุที่เกิดดินสไลค์เนื่องจากว่ามีฝนตกลงมาหนักหลายวันติดต่อกัน ทำให้ดินชุ่มฉ่ำจึงเกิดการสไลค์

** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน