สระบุรี  คืบหน้า 2ผัวเมียยื่นหนังสือยุติธรรมจังหวัดร้องขอความเป็นธรรมให้น้องไฮเทค

แชร์ข่าวนี้

 

สระบุรี  คืบหน้า 2ผัวเมียยื่นหนังสือยุติธรรมจังหวัดร้องขอความเป็นธรรมให้น้องไฮเทค

บีบหัวใจสองสามี-ภรรยา ร้อง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ผ่านยุติธรรม จ.สระบุรีให้ช่วย ลูกชายวัย 3 ขวบส่ง รพ.เอกชนรักษาจนเสียชีวิต ผ่านไป 9 เดือนคดีไม่คืบ

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ที่สำนักงานยุติธรรม ศูนย์ราชการ จ.สระบุรี ว่าที่ ร.ต.ปริญญา บาศรี อายุ 28 ปี และ ว่าที่ ร.ต.หญิง พัชญาวีร์ ภู่สุข อายุ 26 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 10/20 ม.6 ต.ห้วยขมิ้น หนองแค จ.สระบุรี พ่อ-แม่ ด.ช.วรายุทธ์ บาศรี หรือน้อง “ไฮเทค” อายุ 3 ขวบ พร้อมด้วยนายอาลัยรัก วรวัฒน์ จากสำนักงานทนายความบ้านบุปผา เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ผ่านยุติธรรม จ.สระบุรี เพื่อขอให้ช่วยประสานไปยัง รพ.คู่กรณี ให้ออกมาชี้แจงความจริงและแสดงความรับผิดชอบ การตายของ ด.ช.วรายุทธ์ บาศรี น้องไฮเทค ที่ พ่อ-แม่ นำส่งไปรักษาแล้วเสียชีวิต เวลาผ่านไปนาน 9 เดือน คดีไม่คืบหน้า รพ.ยังปิดบังสาเหตุการตาย และมีพฤติกรรมอำพรางคดี รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ให้การช่วยเหลือ รพ.

โดยมี นายปภาวีน ดวงดี พนักงานคุมประพฤติชำนาญการ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติ จ.สระบุรี ปฏิบัติหน้าที่ (ยุติธรรม) จ.สระบุรี และ พ.ต.ต.สมศักดิ์ อึ่งน้อย ที่ปรึกษากฎหมาย คลินิกยุติธรรม ประจำสำนักงานยุติธรรม จ.สระบุรี ร่วมสอบปากคำ และรับเอกสาร (หนังสือร้องทุกข์) จากว่าที่ ร.ต.ปริญญา บาศรี และ ว่าที่ ร.ต.หญิง พัชญาวีร์ ภู่สุข ผู้เสียหาย พ่อ-แม่ ด.ช.วรายุทธ์ บาศรี น้องไฮเทค ใช้เวลาราว 40 นาที จึงแล้วเสร็จ

นายปภาวีน ดวงดี ปฏิบัติหน้าที่ยุติธรรม จ.สระบุรี เปิดเผยว่า หลังจากได้รับเอกสารร้องทุกข์ และสอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นแล้ว สำนักงานยุติธรรม จ.สระบุรี จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว รวมถึงจะได้ รายงานให้ ดร.ธนฤกติ จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ที่ประสานงานมา ซึ่งหน่วยงานยุติธรรม จ.สระบุรี พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่แล้ว

ด้านว่าที่ ร.ต.หญิง พัชญาวีร์ ภู่สุข และ ว่าที่ ร.ต.ปริญญา บาศรี สองสามีภรรยา พ่อ-แม่ ผู้สูญเสียลูกชาย ด.ช.วรายุทธ์ บาศรี วัยเพียงแค่ 3 ขวบ เปิดเผย ว่า ที่ครอบครัวตนมาร้องเรียนขอความช่วยเหลือในวันนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อ 9 เดือนมาแล้ว ที่หนูสูญเสียลูกไป ทาง รพ. ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหาหนูเลย สิ่งที่หนูติดใจมากคือการวินิจฉัยของแพทย์ คือการรักษาของ หมอ เพราะในวันนั้น ( 29 ม.ค.2566) ที่พาน้อง ไฮเทค ไปรักษา หนูถามหมอแล้วว่า อาการ “ ปอดอักเสพกับหลอดลมอักเสพ” มันเหมือนกันหรือเปล่า เขาบอกว่า “มันคล้ายกัน” แต่น้องไม่ได้เป็น แต่ในใบมรณะบัตรแจ้งว่า “น้องเป็นปอดอักเสพ”  ถ้าการวินิจฉัยของแพทย์ในวันนั้นบอกให้หนูไปแอดมิด หรือไปรักษา รพ.ที่น้องมีสิทธิ์ น้องอาจจะไม่ต้องเสียชีวิตก็ได้ เพราะว่าหนู ย้ำแล้วว่ามันเหมือนกันหรือเปล่า ระหว่าง ปอดอักเสพ กับหลอดลมอักเสพ แพทย์ระบุว่ามันเหมือนกันแต่น้องไม่ต้องเอกซเรย์ ถ้าจะเอกซเรย์น้องต้องเป็นหนักกว่านี้ นั่นคือ คำพูดของหมอเด็ก ที่รักษาน้องไฮเทค ในช่วงเช้าวันนั้น

ส่วนหมอเวร อีกคนที่ หนูนำน้องไฮเทค กลับไปรักษาอีกครั้ง ในช่วงดึก (วันเดียวกัน) พูดกับหนูว่า ทำไมถึงพึ่งพาน้องมา น้องอาการหนักแล้ว หนูจึงบอกกับหมอเวรว่า หนูพาน้องมาแล้วเมื่อเช้านี้ เขาให้ลูกหนู ให้ยาพาน้องกลับบ้าน ซึ่งหมอเวร ก็บอกว่า เขาก็ไม่ทราบคนละเคส คนละช่วงเวลากัน เขาแจ้งแบบนี้ หนูจึงติดใจว่า ทำไมในวันนั้น เพราะเหตุใด ถึงทำไมไม่ให้ลูกหนูแอดมิด ถ้าแอดมิดลูกหนูไม่ตายก็ได้ เพราะเมื่อหนูกลับบ้านไป แล้วระยะทางห่างตัวเมือง รพ.ไกลประมาณ 20 ก.ม. เมื่อหนูต้องพาน้องกลับมาใหม่ มันอาจจะไม่ทันอยู่แล้วซึ่งหนูก็ไม่ทราบว่าอาการหนักจริงๆ แบบไหนที่จะต้องกลับมาหาใหม่ต้องเป็นแบบไหน แต่ตั้งแต่หนูพาลูกกลับบ้านไป อาการน้อง ก็ทรงตัวไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น จนกระทั่งเวลา ดึกใกล้เที่ยงคืน อาการของน้อง ก็หนักขึ้นๆ หนักจริงก็จึงได้รีบพาน้องกลับมา รพ.หาหมอ อีกรอบหนึ่งจนกระทั่งเสียชีวิต

สองสามี ภรรยา เปิดเผยความแคลงใจ ที่มีต่อ รพ.เอกชน ดังกล่าวอีกว่า หลังการตายของ ลูกหนู ( น้องไฮเทค) มีความคลุมเครือไปหมด ช่วงแรกๆนำเอกสารต่างๆ มาให้เซ็นมากมาย ค่ารักษาพยาบาล เอกสารการรับศพออก จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ในช่วงนั้นอยู่ระหว่างการ”ช็อก” แม้แต่การออกใบมรณะบัตรซึ่งความจริง ต้องเป็นตน หรือคนในครอบครัวจะเป็นผู้ที่นำหลักฐานไปเขียนคำร้องยื่นขอออกใบมรณะบัตรต่อนายทะเบียนท้องถิ่น คือ “เทศบาลเมืองสระบุรี”แต่ รพ.ได้เรียกให้ตนมารับใบมรณะบัตร โดยบอกเพียงว่า รพ.ให้เจ้าหน้าที่ไปออกให้แล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ ตนและทนายได้ไปสอบถาม ที่ เทศบาลเมืองสระบุรี ถึงเอกสารหลักฐาน (ใบรับรองการตาย) ที่ รพ.มายื่นขอให้ออกใบมรณะบัตรให้นั้นมีอะไรบ้าง แต่ได้รับคำตอบ จากเจ้าหน้าที่ของ เทศบาลเมืองสระบุรี ว่า ให้ดูไม่ได้ ต้องไปขอดูสำเนา ที่ รพ.เอง เทศบาล มีหน้าที่ และสามารถ ออกใบมรณะบัตรให้กับ “รพ.เอกชน” 2 แห่งใน จ.สระบุรี เท่านั้น ที่สงสัยหนักไปกว่าการออกใบมรณะบัตร คือ หลังหนูสูญเสียน้องไฮเทคไป หลังจากนั้น 1 วัน หนูได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แต่ก็ไม่เห็น พนักงานสอบสวนจะดำเนินการอะไร และนอกจากนั้นยังมีเอกสารให้เซ็นเพิ่มเติมอีกมากโดยแจ้งว่าเป็นเอกสารเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ และจะนำเสนอผู้บริหาร โดยบอกให้หนูรอ หนูก็รอ รอมานานถึง 9 เดือนแล้ว ก็ไม่มีท่าทีว่า รพ.จะติดต่อกลับมา ล่าสุดเมื่อ วันที่ 6 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา หนูและครอบครัวจึงได้ไปขุดศพลูก “น้องไฮเทค” ขึ้นมาเพื่อหวังให้แพทย์ชันสูตรหาเหตุการณ์ตายที่แท้จริงแต่ก็ทำไม่ได้ ซึ่งแพทย์ระบุว่า อวัยวะภายในเน่าเสื่อมสภาพไปหมดแล้ว ซึ่งครอบครัวก็จะนำศพลูกไปบรรจุเก็บไว้ตามเดิมโดยจะยังไม่”เผา”จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม

เรื่องเดิม สำหรับกรณีนี้ คือเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2566 ในช่วงเช้า พ่อ-แม่ ได้นำ ด.ช.วรายุทย์ ยาศรี อายุ 3 ขวบ หรือน้องไฮเทค ที่มีอาการไข้อ่อนไปรักษาที่ รพ.เอกชน แห่งหนึ่ง ในตัวเมืองสระบุรี เบื้องต้น แพทย์ตรวจแล้ว จ่ายยา พ่นยา คออักเสพ ให้เด็ก บอกกับ พ่อ.แม่ว่า ไม่เป็นไรกลับบ้านได้ แต่ พอตกดึก วันเดียวกัน น้องไฮเทค มีอาการทรุดหนัก จึงรีบนำตัว กลับมาพบหมอ ที่ รพ.เอกชน ที่เดิม ซึ่งหมอเวร แจ้งให้ทราบว่า น้องการหนักมากทำไมถึงพึ่งเอามา หลังจากนั้นไม่นาน น้องไฮเทค ก็เสียชีวิต เป็นที่มาของความคลางแคลงใจ ของ พ่อ-แม่ ที่ การวินิจฉัย การรักษาของแพทย์ ตลอดจนความคลุมเครืออื่นๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้มีการร้องเรียนขอความเป็นธรรมดังกล่าว

** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน