สระบุรี  เปิดใจผู้โดยสารผู้โดยสารขบวนรถไฟลอดอุโมงค์ผาเสด็จ** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน

แชร์ข่าวนี้

 

สระบุรี  เปิดใจผู้โดยสารผู้โดยสารขบวนรถไฟลอดอุโมงค์ผาเสด็จ

วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ตามที่ได้ปรากฏภาพข่าวในสื่อโซเชียลมีเดีย ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้เปิดให้บริการเดินรถไฟแบบทางคู่สายอีสาน รวมระยะทาง 42.90 กิโลเมตร ประกอบด้วย ช่วงมาบกะเบา-มวกเหล็กใหม่ ระยะทาง 13.20 กิโลเมตร และช่วงบันไดม้า-คลองขนานจิตร ระยะทาง 29.70 กิโลเมตร เป็นวันแรก ระหว่างทางจะมีการลอดอุโมงค์ผาเสด็จ (อุโมงค์ที่ 1) และอุโมงค์หินลับ(อุโมงค์ที่ 2)

โดยอุโมงค์ผาเสด็จเป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างสถานีมาบกะเบากับสถานีหินลับ เป็นอุโมงค์คู่ทางเดี่ยว มีความกว้าง 7.50 เมตร สูง 7.00 ม. ระยะทาง 5.41 กิโลเมตร ส่วนอุโมงค์หินลับ ตั้งอยู่ที่สถานีหินลับกับสถานีมวกเหล็ก เป็นอุโมงค์เดี่ยวทางคู่ กว้าง 11.0 เมตร สูง 7.30 เมตร ระยะทาง 265 เมตร ปรากฏว่ามีผู้ใช้บริการจำนวนมากทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยได้โพสต์คลิปวิดีโอและภาพการใช้บริการรถไฟในขบวนชั้น 3 ซึ่งเป็นพัดลม ขณะรถไฟวิ่งลอดอุโมงค์ผาเสด็จ ได้มีฝุ่นฟุ้งและควันรถจักรในอุโมงค์พวยพุ่งเข้ามาจนเต็มขบวน ทำให้ผู้โดยสารต้องปิดจมูกกันวุ่น ทั้งกล้องและโทรศัพท์มือถือมีคราบฝุ่นเกาะเพียบ ตลอดระยะทางยาวกว่า 5 กม

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบนายจตุพล สุดใจ ผู้ที่ร่วมโดยสารรถไฟในขบวนดังกล่าว เล่าว่า ตนเองได้โดยสารขบวนรถไฟที่ 71  กรุงเทพฯอภิวัฒน์ ปลายทางอุบลราชธานี ขบวนรถไฟได้ออกจากสถานีแก่งคอย เวลาเที่ยวเศษๆ เนื่องจากว่าขบวนรถได้เสียเวลาไปประมาณ 7 นาที ซึ่งตนเองต้องการเข้าไปชมอุโมงค์รถไฟที่ยาวมี่สุดของทวีปเอเชีย ซึ่งอยู่ในจังหวัดสระบุรี แต่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดคือช่วงที่กำลังจะเข้าอุโมงค์ สองข้างทางก็มีวิว ทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติ

จากนั้นได้เริมเข้าอุโมงค์ที่สถานีมาบกระเบา ออกสถานีหินลับ ผาสเสด็จ ซึ่งระหว่างที่เข้าอุโมงค์ ก็มีฝุ่นละออง เป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองก็ตกใจอยู่ ซึ่งฝุ่นที่พบมันเป็นเหมือนฝุ่นหินปูน ซึ่งน่าจะเกิดปูนซิเมน และก้อนหินที่เอาเข้าไปในอุโมงค์ ซึ่งตนเองคิดว่าทางการทางรถไฟน่าจะเคลียพื้นที่ไปในระดับหนึ่งแล้ว แต่อาจจะไม่เรียบร้อย พอเปิดการใช้รถ ก็ทำให้เกิดฝุ่นละอองเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้โดยสารต่างวิพากษ์ วิจารณ์กันมาก ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่ร่วมไปในขบวนรถไฟ ต่างรู้สึกแสบหู แสบตา

เนื่องจากฝุ่นมีประมาณเยอะมากจริงๆ ซึ่งทางตนเองก็ไม่ได้เข้ามาให้ร้ายกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งตนเองก็คิดว่าเป็นนโยบายที่ดีและเป็นขบวนรถไฟปฐมฤกษ์ ในการเปิดเส้นทางใหม่ ซึ่งตนเองก็อยากที่จะเข้าไปร่วมขบวนด้วย ในฐานะที่ตนเองเป็นคนจังหวัดสระบุรี และอยากใช้เส้นทางนี้อยู่แล้ว ส่วนตนเองก็ได้รับความประทับใจในเรื่องของความสวยงามของทิวทัศน์ และอุโมงค์รถไฟ แต่อยากให้ทางการทางรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับปรุงเรื่อง มลพิษทางด้านฝุ่นละออง เพราะว่าทำให้ผู้โดยสารเกิดความไม่ประทับใจตรงนี้

ซึ่งทางการรถไฟควรจะตรวจสอบ และทำการกำจัดฝุ่น โดยการสเปรน้ำ โดยการนำน้ำเข้าไปฉีดพ่น ให้ฝุ่นละอองลดน้อยลง นายจตุพล กล่าวเสริมว่าซึ่งการรถไฟในประเทศไทยเป็นระบบเปิด ไม่ใช่ระบบปิด หรือติดแอร์ รถด่วนก็เปิด ชมวิว ตามธรรมชาติ รถเร็วก็เปิด จึงทำให้ฝุ่นละอองเข้ามาในตัวรถ และขบวนผู้โดยสาร จะเห็นได้ว่าตามพื้นขบวนรถไฟ และเบาะที่นั่งจะเป็นคราบฝุ่นไปหมด ซึ่งก็จะมีพนักงานมาคอยเช็ดถู อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทางพนักงานก็ว่าเขาก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน เพิ่งเข้าเที่ยวแรกด้วยเหมือนกัน ตนจึงอยากขอฝากการรถไฟแห่งประเทศไทย ช่วยปรับปรุงและพัฒนา เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีความประทับใจ และก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การรถไฟฯได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและเข้าดำเนินแก้ไขแล้ว โดยประสานให้บริษัทผู้รับจ้างดำเนินการใช้น้ำฉีดล้างทำความสะอาดหนักและใช้พัดลมเป่าอัดอากาศเพื่อไล่ฝุ่นออกให้หมด ซึ่งจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 14 วัน เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดใช้บริการเส้นทางในอุโมงค์ได้อีกครั้ง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567

** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน