จ.ประจวบฯ เตรียมผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด 19 ตามแนวทาง ศบค. เริ่ม 1 มิ.ย.65 กลุ่มเสี่ยงสูงไม่ต้องกักตัว แต่ให้สังเกตอาการตัวเอง 10 วัน

แชร์ข่าวนี้

ภาพ-ข่าว สุรยุทธ ยงชัยยุทธ

24 พ.ค.65 ที่ห้องราชภักดิ์ ชั้น 5 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ผ่านระบบซูม โดยมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ข้อมูลวันที่ 24 พ.ค.65 จ.ประจวบฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 30 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ขณะเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นไป ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หรือ ศบค. ได้ผ่อนคลายแนวทางการจัดการกลุ่มเสี่ยงสูงที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด 19 โดยไม่ต้องกักตัว สามารถที่จะเดินทางไปทำงานได้แต่ให้แยกตัวออกจากผู้อื่น สังเกตอาการตนเอง 10 วัน และตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วยทางเดินหายใจ หากพบการติดเชื้อให้โทรสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อประเมินอาการและนำเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 ศบค.ได้ปรับระดับสถานการณ์เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้อยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว โซนสีฟ้า ครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งจะสามารถจัดงานหรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากได้ตามความเหมาะสม และสามารถเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ได้แต่ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ โดยมีข้อกำหนดการเปิดให้บริการคือ เปิดร้านได้ไม่เกินเวลา 24.00 น.งดใช้แก้วร่วมกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ให้บริการต้องฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น คัดกรองพนักงานตรวจ ATK ทุก 7 วัน ส่วนผู้รับบริการต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น กลุ่มเสี่ยง 608 งดเข้าใช้บริการ

ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ยังได้พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นเข็ม 3 สำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 12-17 ปี ซึ่งยังได้รับวัคซีนน้อยมากเพียงร้อยละ 16.87 ของเด็กที่ฉีดวัคซีนเข็ม 2 แล้ว โดยมอบหมายนายอำเภอทุกอำเภอติดตามกำกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษาในอำเภอ ร่วมกันบริหารจัดการเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้แก่กลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด หรืออย่างน้อยร้อยละ 60 ของเด็กที่ฉีดเข็ม 2 แล้วภายในวันที่ 31 พ.ค.65 ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาชนทั่วไป ให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ได้มากที่สุด หรืออย่างน้อยร้อยละ 60 ของประชาชนที่ฉีดวัคซีนเข็ม 2 แล้ว ภายในเดือนมิถุนายนนี้

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับทราบแนวทางของกรมควบคุมโรคในการยกระดับมาตรการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิง หลังล่าสุด องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันพบผู้ป่วยใน 17 ประเทศ  โดยกรมควบคุมโรค ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรณีโรคฝีดาษลิง เข้มงวดคัดกรองชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศที่พบการระบาด พร้อมขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหากต้องเดินทางไปยังประเทศที่พบผู้ป่วยฝีดาษลิง ควรระมัดระวัง ดังนี้

1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ ได้แก่ สัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก และสัตว์ตระกูลไพรเมต เช่น ลิง ถึงแม้ว่ายังไม่มีรายงานพบเชื้อในสัตว์เหล่านี้ในประเทศไทยก็ตาม หากมีการสัมผัสสัตว์ให้รีบล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด และหลังจากเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษลิง ให้สังเกตอาการ หากพบมีความผิดปกติ เช่น มีไข้ มีตุ่มผื่นที่ใบหน้า แขน และขา ให้รีบพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง

2) ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention (UP) โดยการหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิดไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก กินอาหารปรุงสุก เป็นต้น

3) หลีกเลี่ยงการสัมผัส สารคัดหลั่ง บาดแผล เลือดน้ำเหลืองของสัตว์ หรือกินเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ปรุงไม่สุก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ละอองฝอย หรือน้ำเหลืองจากผู้ที่สงสัยป่วยหรือมีประวัติเสี่ยง  ทั้งนี้ การแพร่เชื้อจากคนสู่คน แม้มีโอกาสน้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่ง จากทางเดินหายใจ หรือผิวหนังที่เป็นตุ่ม ซึ่งทางกรมควบคุมโรคจะเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

////////////////////

พื้นที่โฆษณา