พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร.สั่งชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. จับกุมขบวนการหลอกเหยื่อ บังคับค้าประเวณี ประเทศเมียนมา !!

แชร์ข่าวนี้

“พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร.สั่งชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. จับกุมขบวนการหลอกเหยื่อ
บังคับค้าประเวณี ประเทศเมียนมา !!

จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 ที่ผ่านมา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 16 ปี พร้อมผู้ปกครอง เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส. ตร.(ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น) กรณี น.ส.เอ ถูกหลอกลวงให้เดินทางไปยังประเทศเมียนมา และถูกบังคับให้ค้าประเวณี ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือและพากลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยในเวลาต่อมา โดยขอให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่หลอกลวง น.ส.เอ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร.,ศพดส.ภ.จว. บุรีรัมย์ และ สภ.กระสัง เร่งสืบสวน ติดตามคดีนี้อย่างเร่งด่วน โดยได้ประสานความร่วมมือไปยังกองกำลังทหารประเทศเมียนมา เพื่อช่วยตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จนทราบว่าขบวนการดังกล่าวได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ เริ่มต้นจากการหลอกลวงเหยื่อให้มีความต้องการเดินทางไปทำงาน นำพาลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา และถูกบังคับค้าประเวณีในที่สุด เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องของหมายจับต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย

1.น.ส.ณัฐฐิตา หรือออม อายุ 29 ปี ที่อยู่ 68/1 ม.2 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นคนหลอกลวงให้เหยื่อไปทำงานที่ประเทศเมียนมา โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าข้ามธรรมชาติ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก

2.นายอาหลู่ผะ หรือไวน์ อายุ 44 ปี ที่อยู่ 56/22 ม.2 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สามีของ น.ส.ณัฐฐิตาฯ ทำหน้าที่เป็นคนนำพาเหยื่อลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมาสามารถจับกุมได้ที่ ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้น เต็มใจไปด้วย”,“ค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก หรือซึ่งได้กระทำแก่บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี”, “บังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการนำภาระหนี้ของบุคคลอื่นส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด”และ “ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก”

3.น.ส.สุพัฒตา หรือกิ่ง อายุ 23 ปี ที่อยู่ 198 ม.17 ต.หัวนาคำ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เป็นเจ้าของร้าน (KTV) ที่ประเทศเมียนมา บังคับเหยื่อค้าประเวณี โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าข้ามธรรมชาติ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก

ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ซึ่งถูกพราก ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย”,“ค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก หรือซึ่งได้กระทำแก่บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี” ,“บังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการนำภาระหนี้ของบุคคลอื่นส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด”และ “ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก”

พฤติการณ์ในคดีนี้กล่าวคือ น.ส.ณัฐฐิตา หรือออม ฯ ผู้ต้องหา ได้ชักชวน น.ส.เอ ผ่านแอพพลิเคชั่น Line และ Facebook ให้ไปทำงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมาร์ โดยอ้างว่าจะได้เงินสัปดาห์ละ 50,000 บาท ทำประมาณ 2 เดือนจะมีเงินเก็บประมาณ 200,000 – 400,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จากนั้น น.ส.ณัฐฐิตาฯ ได้ให้นายอาหลู่ผะฯ ซึ่งเป็นสามี พา น.ส.เอ ลักลอบข้ามชายแดนในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ และนำไปส่งให้กับน.ส.สุพัฒตาฯ เจ้าของร้านอาหาร (KTV) หลังบ่อนการพนัน แจ็คดรากอนไนท์ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยน.ส.สุพัฒตาฯ ได้บังคับให้ น.ส.เอ ขายบริการทางเพศ น.ส.เอ จึงได้ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณา และได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กลับมายังประเทศไทยในที่สุด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจากมูลนิธิปวีณา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร.ร่วมกับสหวิชาชีพในการสอบถามข้อมูลจากเหยื่อ และรวบรวมพยานหลักฐานในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดในขบวนการดังกล่าว จนสามารถระบุตัวผู้ต้องหาได้ครบทั้งคนหลอกชักชวนเหยื่อ คนลักลอบพาข้ามแดน และเจ้าของร้านคนไทยในประเทศเมียนมาที่อยู่รับตัวเหยื่อปลายทาง โดยใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ในการสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันดูแลบุตรหลานของท่าน รวมทั้งให้ระมัดระวังในการหางานผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย โดยหากพบเบาะแสเกี่ยวกับขบวนการหลอกลวงเหยื่อไปค้าประเวณี หรือค้ามนุษย์ สามารถแจ้งได้ทุกช่องทาง