สระบุรี-ธนาคารกสิกรไทยส่งมอบห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก 33.6 ล้านบาทให้โรงพยาบาลสระบุรี ** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน**

แชร์ข่าวนี้

วันที่ 10 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. ณ.ห้องประชุม เกษตร-วันทนา โรจนนิล โรงพยาบาลสระบุรี จัดให้มีพิธี รับมอบห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจ และทรวงอก โรงพยาบาลสระบุรี โดยมีนายวัชรพงค์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข/รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีระกูล) เป็นประธาน และมีคุณขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของ ธนาคารกสิกรไทย นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นพ.อนันต์ กมลเนตร ผอ.โรงพยาบาลสรบุรี นพ.สมยศ ศรีจารนัย อดีตสาธารณสุขนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี คณะผู้บริหารฯ แพทย์ พยาบาลฯ นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี ร่วมในพิธี

นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ขอบคุณ ในนาม กระทรวงสาธารณสุข ต่อคณะผู้บริหาร บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ว่านับเป็นคุณูปการที่ บมจ.ธนาคารกสิกรไทยการสนับสนุนงบประมาณกว่า 30 ล้านบาทในการดำเนินการจัดสร้าง “ห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก” ให้กับโรงพยาบาลสระบุรีในครั้งนี้ โรงพยาบาลสระบุรีเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ กว่า 700 เตียง รับผิดชอบผู้ป่วยในพื้นที่ จ.สระบุรี และโรงพยาบาลใกล้เคียงจากจังหวัดต่างๆ ในเขต 4 และโรงพยาบาลปากช่อง นานา ด้วย

หลังพิธีรับมอบฯ นพ.อนันต์ กมลเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี นำ นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ ประธานในพิธี นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการ จ.สระบุรี คุณขัตติยา อินทรวิชัย พร้อมคณะ จาก ธนาคารกสิกรไทย แขกผู้มีเกียรติ เข้าเยี่ยมชมและฟังการบรรยายสรุปจากทีมแพทย์ถึง การดำเนินการของ “ห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก” ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 6 อาคาร 100 ปี โรงพยาบาลสระบุรี

นพ.อนันต์ กมลเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า โรงพยาบาลสระบุรีได้มีการพัฒนาศักยภาพมาโดยตลอด เพราะได้รับมอบหมายให้เป็นศูนย์โรคหัวใจซึ่งเดิมเราสวนหัวใจได้ ปัจจุบันเราเปิด 2 ห้อง แต่เรายังขาดเรื่องการผ่าตัดเปิด ซึ่งเราพัฒนามาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนสำคัญคือที่สุดช่วงหลังผ่าตัด ต้องมี ไอซียู ที่รองรับได้ คนไข้จะได้รับการดูแลความปลอดภัยที่ ไอซียู ซีวีที หรือไอซียูศัลกรรมทรวงอก จะทำให้คนไข้ได้รับการผ่าตัดไม่ต่ำกว่าปีละ 100 รายที่จะนำมาดูแลในห้องนี้จะทำให้ ช่วยชีวิตคนได้อย่างต่อเนื่อง จะทำให้คิวที่รอการผ่าตัดสั้นลง รวมทั้งเดิมต้องส่งไปรักษา ที่โรงเรียนแพทย์ในกรุงเทพ เช่น ที่ธรรมศาสตร์ ราชวิถี โรคทรวงอก (สถาบันทรวงอก) จากนี้คงจะส่งน้อยลงแล้ว

ส่วน คุณขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า โครงการ “ห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก” เนื่องจาก บมจ.กสิกรไทยเห็นความสำคัญทางด้านสาธารณสุข การแพทย์ที่ดีอยากให้เรื่องดีๆเหล่านี้เข้าถึงคนไทยจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ปรึกษากับ คุณหมอสมยศ ศรีจารนัย ท่านได้แนะนำว่า โรงพยาบาลสระบุรี เป็นโรงพยาบาลใหญ่ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค ทำเลที่ตั้งเหมาะสมสำหรับเป็นจุดส่งต่อคนไข้ในจังหวัดใกล้เคียงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นโรคหัวใจ เป็นโรคที่สำคัญมากๆ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต มีโรคหัวใจเป็นอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นหลายอย่างๆจึงเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลสระบุรีแห่งนี้

สำหรับ เมื่อมุมมองในระดับประเทศ ความจริงประเทศไทยเรา ด้านสาธารณสุขของเราดี แต่อย่างไรก็ตาม หลังโควิดคนไทยให้การสนใจด้านสุขภาพอนามัยมากขึ้น และเป้าหมายของธนาคารคือ เป็นธนาคารสู่ความยั่งยืน เรื่อง การแพทย์ การเงิน เรื่องที่ดีต่างๆ อยากให้เข้าถึงคนหมู่มาก สู่เป้าหมายคือประชาชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเป็นวัตถุประสงค์ที่ตรงกัน เรียกว่าสมประโยชน์กันในหลายๆทาง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลสระบุรี และ K แบงค์ พอดีมีความตั้งใจตรงกันจึงได้มาเกิดขึ้นที่นี่ โรงพยาบาลสระบุรีนี่แหละค่ะ คุณขัตติยาฯ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารกสิกรไทย กล่าวในที่สุด

////////////////////////////////////////////////

ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน