สระบุรี-คืบหน้า ผู้การสระบุรี พร้อมทนายชี้แจง เมียน้อย ร้องสอบ ผัวรัก ผกก.สังกัด จ.สระบุรี ไม่เลี้ยงดู-ขู่เอาชีวิต-เปย์เด็กเอ็น **ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน**

แชร์ข่าวนี้

สุดทนแล้ว! เมียน้อย ผกก.ดังพื้นที่ จ.สระบุรี เดินทางมาร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้เปลี่ยนคณะกรรมการสอบวินัยผู้กำกับโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี หลังจากเคยไปร้องสอบกรณีไม่ยอมส่งเสียลูกดูแลบุตรตามที่ตกลงกันไว้ ทั้งยังข่มขู่จะเอาชีวิตหากไปร้องเรียนสื่อ ชี้เคยให้เงินแสนแต่กลับเอาไปเปย์เด็กเอ็นจนหมด

วันที่ 13 กรกฎาคม จากกรณีที่เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) น.ส.เอ(นามสมมุติ) ภรรยาน้อยของผู้กำกับในภูธรจังหวัดสระบุรี เข้าร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้เปลี่ยนคณะกรรมการสอบวินัยผู้กำกับการคนดังกล่าว เนื่องจากไม่เลี้ยงดูลูกที่เกิดกับตนเองตามที่เคยตกลงกัน แต่เอาเงินไปส่งเสียให้ผู้หญิงคนอื่น และตนเองยังถูกภรรยาหลวงของ ผกก. ฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท และเป็นชู้ โดยเรียกค่าเสียหายกว่า 1 ล้านบาทด้วย โดยมี พ.ต.อ.สาทิต ธนรัตน์ รอง ผบก.ทว. ในฐานะเวรอำนวยการ เป็นตัวแทนรับเรื่อง

ด้านน.ส.เอ กล่าวว่า ตนเองเริ่มคบกับ ผกก.คนดัง ตั้งแต่ปี 2561 เนื่องจาก ผกก. บอกว่าจะเลิกกับภรรยาเพราะภรรยานิสัยไม่ดีแต่ภรรยาก็มาตามง้อ และคืนดีกัน กระทั่งในปี 2562 ภรรยาของ ผกก. ก็จับได้ว่าสามีเป็นชู้กับตนเอง แต่ก็ยังคงแอบคบหากันเรื่อยมานานกว่า 5 ปี และส่งเงินให้ใช้เดือนละ 3-5 หมื่นบาท และพอได้ขึ้นเป็น ผกก. ก็เพิ่มเป็นเดือนละ 1 แสนบาทและตกลงว่าจะส่งเสียเลี้ยงดูลูกด้วยกันแต่เมื่อประมาณเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ผกก. ก็ตีตัวออกห่างและไม่เคยส่งเงินให้อีกเลย ซึ่งตนเองได้ว่าจ้างเด็กเอ็นให้ช่วยตามสืบพฤติกรรมจนจับได้ว่า ผกก. แอบไปคบกับผู้หญิงอื่นที่เป็นเด็กเอ็น ทำให้ตนเองรู้สึกทนไม่ได้ และได้ร้องเรียนผู้บังคับบัญชาของ ผกก.รายนี้ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้ง ผกก. ยังข่มขู่ห้ามไม่ให้ร้องกับสื่อมวลชนแต่ร้องได้เฉพาะ ตร. เท่านั้น หากไปออกสื่อหรือเป็นข่าว ก็ข่มขู่จะทำร้ายถึงชีวิตตนเองและครอบครัวด้วย ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนคณะกรรมการสอบวินัย มีบทลงโทษและหนักกว่านี้ ทั้งนี้ หากอีกฝ่ายถูกสอบวินัย จนถึงขั้นไล่ออกจากราชการ ตนก็ไม่สน เพราะทุกวันนี้ก็ไม่ได้รับการเลี้ยงดูจาก ผกก. ต้องส่งเสียลูกเพียงลำพัง มองว่าพฤติกรรมของ ผกก.คนนี้ ไม่ควรจะอยู่ในตำแหน่ง ผกก. ไม่สมควรจะเป็นผู้บังคับบัญชาใครได้ รวมถึงต้องการให้ตรวจสอบว่า เงินที่ได้มาเปย์หรือให้ผู้หญิงมาจากที่ไหน

ล่าสุดวันนี้ เวลา 10.00 น.ที่ห้องทำงานชั้น 2 บนสำนักงานกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สระบุรี พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี พร้อมด้วย นายวิจิตร วงศ์สุวรรณ ทนายความจาก สำนักงานประเสริฐ บุญชัยสุข ( จ.นครราชสีมา) ทนายความของ ผกก. คนดังที่ถูก น.ส.เอ ภรรยาน้อยร้องเรียนให้สอบสวนทางวินัย ร่วมกันแถลงข่าวกับสื่อมวลชน

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนได้รับการร้องเรียนเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เชิญคู่กรณีทั้งสามคนมาพูดคุยกันในห้องนี้แหละ โดยทางฝ่ายภรรยาหลวงไม่ได้เข้ามา (รออยู่ภายนอก) สรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้นในวันนั้นคือ ทาง ผกก. ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสมาก่อนแล้ว ส่วนอีกคนไม่ได้จดทะเบียนแต่อยู่กินกันมาราว 6 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน 2 ขวบ ต่อมาเกิดมีปัญหากันขึ้น เรียกว่า บ้านที่ 2 แล้วกัน ต่อมาเมื่อรู้ถึงบ้านที่ 1 จึงมีการทะเลาะกันเกิดขึ้น หลังจากนั้นจึงขาดการส่งเสียเลี้ยงดูเพราะมีปัญหากัน ทำให้ตัว ผกก.ต้องเลือกบ้านใดบ้านหนึ่ง ผกก.จึงเลือกบ้านที่ 1 เมื่อพูดคุยตกลงกันไม่ได้ในวันนั้น ทำให้มี 2 ประเด็น ๆแรกก็คือว่า ตัวน้องลูกสาวอายุ 2 ขวบนั้นใช่ลูก ผกก.หรือไม่ จึงมีการให้ตรวจ ดีเอ็นเอ เมื่อดำเนินการตรวจแล้วปรากฏว่า น้องมีดีเอ็นเอ ตรงกัน เป็นลูกของ ผกก.จริง ซึ่งตัว ผกก.ก็ไม่มีปัญหาพร้อมรับเป็นพ่อส่งเสียเลี้ยงดู และยินดีจดทะเบียนรับรองบุตร

ส่วนประเด็นที่ 2 ตัวน้อง ผู้ไปร้องต่อสื่อ ได้เรียกร้องค่าเสียหาย(ค่าเลี้ยงดู)เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท และรายเดือนอีกเดือนละ 2 แสนบาท ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถตกลงกันได้โดยข้อเท็จจริงแล้วตัว ผกก.ก็ไม่ได้มีฐานะอะไร ซึ่งเท่าที่พูดคุยกัน ผกก.วางแผนได้มีความพยายามที่จะขอกู้เงินสหกรณ์ และสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อหวังจะทำให้เรื่องจบ แต่เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ ผกก. ก็จะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลเป็นเรื่องของทางแพ่ง เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาในเรื่องของตัวเลข ที่ตัว ผกก.จะสามารถรับได้ เมื่อพูดคุยเจรจากันไม่รู้เรื่องตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็พยายามเจรจาให้ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ฝ่ายน้องผู้ร้องก็ยืนยันที่จะร้องเรียนทางด้านปกครองวินัยให้ได้ ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตามคำสั่งที่ 150/2566เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2566 ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งคณะกรรมการก็ได้รายงานขึ้นมาบ้างแล้ว และอยู่ระหว่างนัดผู้ร้องมาสอบอีกครั้งในวันที่ 26 ก.ค.2566 ที่จะถึงนี้ แต่ในระหว่างนี้ฝ่ายผู้ร้อง ไม่ได้ดั่งใจ จึงนำเรื่องไปร้องต่อสื่อน่าจะเร็วขึ้น เรื่องทางด้านปกครอง ด้านวินัยคงมีเท่านี้ส่วนเรื่องผลจะเป็นอย่างไร จะผิดวินัยร้ายแรงหรืออย่างไรต้องรอรับฟังความเห็นผลการสอบสวนจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นอีกที จะเป็นเรื่องการประพฤติตัวไม่สมควร หรือมีการข่มขู่ทำร้ายร่างกายกันอาจจะลามไปถึงวินัยร้ายแรงถึงปลดออกไล่ออกได้ ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนในรูปของคณะกรรมการ ขอให้น้องเขารอดูก่อนหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ร้องอีกได้

กับคำถามเรื่องที่ผู้ร้องแจ้งว่าเคยได้รับการส่งเสีย ด้วยเงินเดือนละเป็นแสนนั้น พล.ต.ต.วิชิตฯ ตอบว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เป็นสิทธิ์ เป็นข้อเท็จจริงของ น้องผู้ร้องจะว่าไป แต่โดยข้อเท็จจริงตนพยายามไกล่เกลี่ยที่จะให้ความเป็นธรรม เมื่อบานปลายไปถึงสื่อมวลชน พี่น้องประชาชนรู้กันไปทั่วเรื่องไม่จบเพียงเท่านี้การตัดสินใจด้วยอารมณ์ ไม่ได้จบกันแต่ 2 คนต้องคำนึงถึงคนข้างหลังด้วยคือ ต้องนึกถึงอนาคตของเขาด้วย

ส่วนคำถามที่ว่า ผกก.ร่ำรวยผิดปกตินั้น พล.ต.ต.วิชิต ตอบว่า เท่าที่ตนมาทำหน้าที่ หัวหน้าหน่วย เป็น ผบก.ที่นี่ ตลอดระยะเวลา 8-9 เดือนที่ผ่านมา ผกก.เป็นคนมีวินัย ไม่มีอะไรด่างพ้อย มีฝีมือการทำงานดีมากสามารถจับกุมยาเสพติดได้ต่อเนื่อง ทั้งยาบ้านับสิบล้านเม็ด ยาไอซ์ และสารเริ่มต้นมากมาย

ด้านนายวิจิตร วงศ์สุวรรณ ทนายความของ ผกก. ผู้ถูกร้อง เปิดเผยว่าในเรื่องของคดีความตนได้รับมอบหมายจาก ผกก.ให้ฟ้อง ผู้ร้อง น.ส.เอ 2 คดี คือ คดีหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาท และคดีเป็นชู้ เรียกค่าเสียหาย เป็นเงิน 1 ล้าน ซึ่งทั้ง 2 คดีเป็นคดีที่ยอมความกันได้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของศาล

/////////////////////////////////////////////////

ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน