ประจวบคีรีขันธ์-แฉอีก นอกจากเสาไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่น กรมท่องเที่ยวใช้งบเกือบ 7 แสนสร้าง 3 ภาพศิลปะในพื้นที่ตากปลาเค็มของชาวประมงพื้นบ้าน **สุรยุทธ ยงชัยยุทธ รายงาน**

แชร์ข่าวนี้

วันที่ 13 กรกฎาคม กรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้มบรรทุกซากเสาไฟสับปะรดไปจำหน่ายที่“ แก้วสุวรรณรีไซเคิล” ถนนสุขสมบูรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ใช้รถคันเดิมไปซื้อคืนเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม  ขณะที่หลายหน่วยงานภาครัฐได้ตรวจสอบหาเจ้าของงบประมาณที่จัดซื้อ  โดยจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องที่นำเสาไฟไปจำหน่ายในร้านรับซื้อของเก่า เนื่องจากเสาไฟสับปะรดมีราคารวมต้นละ 8 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท มีมากกว่า 300 ต้น ติดตั้งที่สันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 ถึงค่ายลูกเสือม่องล่าย ระยะทาง 8 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์

พ.ต.อ. ไพทูร พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์  กล่าวว่า  หลังจากพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากแกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปที่ร้านรับซื้อของเก่า เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด หาหลักฐานชี้ชัดว่ามีผู้ใดใช้ยานพาหนะของทางราชการนำเสาไฟสับปะรดไปจำหน่ายในราคา 1 พันบาท และกลับมาคืนเงินให้ร้านของเก่าเพื่อขอเสาไฟกลับคืนในวันที่ 8  กรกฎาคม   แต่ได้รับการยืนยันจากเจ้าของร้านว่ากล้องวงจรปิดชำรุด

พ.ต.อ. ไพทูร  กล่าวว่า  ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบตามไทม์ไลน์ในวันที่ 3 กรกฏาคมและวันที่ 8 กรกฎาคม  เพื่อติดตามในเส้นทางที่รถยนต์ของราชการนำเสาไฟไปขายและนำไปเก็บไว้ที่บ่อบำบัดน้ำเสียหลังวัดธรรมมิการามฯ  จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปบ่อบำบัดน้ำเสีย เพื่อตรวจสอบและอายัดเสาไฟสับปะรด 3 ต้น โดยทำหนังสือถึงสำนักงานจังหวัด เทศบาลเมืองประจวบฯ โยธาจังหวัด  ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด  เพื่อให้ทุกหน่วยงานงานนำเอกสารหลักฐานยืนยันเป็นผู้ใช้งบประมาณและเป็นเจ้าของทรัพย์สิน

ขณะที่เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า “ แก้วสุวรรณรีไซเคิล” ถนนสุขสมบูรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวยอมรับว่า  กล้องวงจรปิดขัดข้องจริงเนื่องจากก่อนหน้านี้มีไฟรั่วจากฝนฟ้าคะนอง   จึงไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้แต่แจ้งให้ตำรวจทราบว่าอยู่ระหว่างกู้ภาพกลับคืน  ตนไม่มีเจตนาช่วยใครพ้นผิด แต่ต้องหาหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์เพื่อช่วยตัวเอง  ขณะที่มีเจ้าหน้าที่นำเสาไฟสับปะรดมาชั่งกิโลขาย  1 พันบาทในวันที่ 9 กรกฎาคม ช่วง 09.00 น.ถึง 10.00 น.และนำรถคันเดิมขอเสากลับคืนช่วงเช้าวันที่ 8 กรกฎาคม  โดยอ้างว่าสาเหตุที่นำมาขายเนื่องจากหยิบของมาผิด

“ ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่นำเสาไฟสับปะรดมาขายเป็นครั้งแรก ช่วงแรกที่เห็นก็ตกใจ หลังจากรับซื้อหากมีเจตนาไม่ดีคงต้องเอาไปซุกซ่อน  แต่ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวก็มาตรวจสอบและทราบว่าเสาไฟอยู่ในจุดเดิมนาน 5 วัน ขณะที่ประเด็นนี้กลายเป็นที่สนใจของประชาชน ก็ต้องรอดูว่าเทศบาลเมืองประจวบฯ จะสรุปเรื่องนี้ให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างไร และปัญหานี้คงติดตามหาหน่วยงานที่เป็นหน่วยใช้งบและหาคนผิดไม่ยาก” เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า “ เจ้าของ “แก้วสุวรรณรีไซเคิล”กล่าวและว่า สำหรับภาพเสาไฟที่สื่อบันทึกไว้ในร้าน  นิติกรเทศบาลหรือเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็คงนำคลิปภาพไปเทียบกับเสาไฟที่เก็บไว้ในบ่อบำบัดได้

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองประจวบฯ ร้านรับซื้อของเก่าจะให้เหตุผลอย่างไรก็ไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากกิจการประเภทนี้มีกฎหมายควบคุม   การซื้อของเก่าต้องมีทะเบียนคุม  มีใบเสร็จรับเงินจากผู้ขาย  เพื่อนำหลักฐานไปแสดงในภายหลังว่าทางร้านไม่ได้รับซื้อของโจร แต่เชื่อว่าเจ้าของร้านของเก่าจะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามกล้องวงจรปิดกระทั่งทราบว่ามีผู้ใดนำรถยนต์ของทางราชการไปใช้และผู้ที่นำเสาไฟไปขาย 

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์  กล่าวว่า ล่าสุดมีประชาชนร้องเรียนว่านอกจากโคมไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่นบาท  ในปี 2556 กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการใช้งบเกือบ 7 ล้านบาท  ตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงรั้วกองบิน 5    ยังมีงบอีกเกือบ 7 แสนบาท นำไปทำผิวพื้นชนิดเคลือบแข็ง 3 จุดราคาเฉลี่ยจุดละ 2.3 แสนบาท ซึ่งกรมการท่องเที่ยวต้องรี้แจงว่าที่ผ่านมาได้สร้างมูลค่าด้านการท่องเที่ยว  มีประโยชน์จริงหรือไม่  เหตุใดจึงมีการใช้งบประมาณเกินจริงจากการออกแบบดำเนินการในสถานที่ที่ชาวประมงพื้นบ้านใช้ทำลานตากปลาเค็ม โดยเครือข่ายจะสอบถามเหตุผลในการใช้งบจากสถาปนิกผู้ออกแบบโดนสำนักงานโยธาธิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า  พนักงานสอบสวน  สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จะต้องไปตรวจสอบบันทึกหลักฐานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าเสาไฟเป็นของหน่วยงานใด เหตุใดจึงถูกนำมากองทิ้งไว้ที่บ่อบำบัดน้ำเสีย  ขณะที่เสาไฟสับปะรดตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงสะพานบางนางรม จะสอบถามจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดกรณีเสาไฟที่สูญหาย 24 ต้นจากจำนวน 60 ต้น พบกองเป็นซากในบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล  3 ต้น หน่วยงานที่ใช้งบควรมีคำตอบว่าเสาไฟที่สูญหายอยู่ที่ใด

//////////////////////////////////////////////////////

สุรยุทธ ยงชัยยุทธ รายงาน