เจ้าของที่ดินริมถนนเพชรเกษมยื่นคำขาดจี้ อบต.เกาะหลัก กรมทางหลวงรีบรื้อถนนคอนกรีตเส้นทางกลับรถสร้างรุกล้ำในที่ดินโฉนดก่อนแจ้งดำเนินคดี (คลิป)**สุรยุทธ ยงชัยยุทธ รายงาน**

แชร์ข่าวนี้

วันที่  20   มกราคม  2567  นางเฉลา ทีเล่อร์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 4 บ้านหนองบัว ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อ 30 ปีก่อน ไปอยู่กินกับสามีชาวต่างชาติที่ประเทศออสเตรเลีย  จากนั้นต้นปี 2566 ได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด  โดยมีการสอบแนวเขตที่ดินโฉนดริมถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้า กทม.  แต่พบว่ามีปัญหาที่ดินถูกบุกรุกจากการตัดทาง ใช้ประโยชน์เป็นทางสาธารณะโดยองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) เกาะหลัก   กรมทางหลวงร่วมกันก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก รุกเข้าในหลักหมุดที่ดินกว้าง 4 เมตร ยาว  30 เมตร   เพื่อทำทางลอดจากถนนเพชรเกษมฝั่งล่องใต้ ผ่านใต้สะพานหนองบัว ตัดขึ้นถนนเพชรเกษมขาเข้า กทม.   จากนั้นก่อสร้างถนนเชื่อมกับถนนในหมู่บ้านอีก 200 เมตร

นางเฉลา กล่าวว่า  ล่าสุดได้ยื่นคำขาดให้กรมทางหลวง และ อบต. รื้อถนนที่สร้างรุกโฉนดออกทั้งหมด  ไม่เช่นนั้นจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย     ขณะที่ก่อนหน้านี้หลังจากไปร้องเรียน กรมทางหลวงได้นำแบริเออร์กั้นทาง เพื่อให้ใช้ถนนสำหรับรถจักรยานยนต์เท่านั้น   แต่ชาวบ้านไม่พอใจจากการใช้เส้นทางคับแคบ  ได้รวมตัวกันรื้อออกทั้งหมด และบางรายกล่าวหาว่าตนไม่เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวม หรือทักท้วงตั้งแต่การก่อสร้างถนนในช่วงแรก ซึ่งยอมรับว่าญาติในพื้นที่ใกล้เคียงไม่ทราบว่าสร้างล้ำในที่ดินโฉนด

 

นางเฉลา  กล่าวว่า  หลังจากกลับมาจากออสเตรเลียช่วงแรก เมื่อพบว่ามีการทำถนนคอนกรีต   ส่วนตัวไม่ได้ห้ามรถใช้เส้นทาง  แต่ได้ทำป้ายแจ้งเจ้าของรถยนต์ผู้ใช้เส้นทางว่าหากลอดทางกลับรถใต้สะพานแล้วขอให้ตรงไปบนถนนเพชรเกษมอย่าเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านเนื่องจากผิวถนนคับแคบ และไม่ใช่เส้นทางหลัก เส้นทางไม่ได้มาตรฐาน ขอให้ไปใช้เส้นทางข้างอนามัยหนองบัว  สำหรับเส้นทางที่ อบต.ใช้งบสร้างในที่ดินโฉนด ยืนยันว่าไม่มีบุคคลภายนอกอาศัยนอกจากญาติพี่น้องสิบกว่าหลังคาเรือน ที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนทรัพย์สินเสียหายอย่างต่อเนื่อง  จากการเปิดใช้ทางสาธารณะ

“ ที่ดินมีการเสียภาษีถูกต้อง แต่เมื่อบอกกล่าวแล้วหลายครั้ง  ให้เวลาปรับปรุงแก้ไขนานกว่า 1 ปี  ยังมีผู้ใช้เส้นทางบางรายไม่พอใจ มีการนำขยะเข้ามาทิ้งในพื้นที่ นอกจากนั้นมีประชาชนบางรายท้าทายให้ปิดถนน  ถามว่าปิดถนนมีหมายศาลหรือไม่   จึงแจ้งให้กรมทางหลวงใช้แบรเออร์ปิดเส้นทางกั้นในที่ดินโฉนด   ทำให้มีคนโวยว่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่ทราบมาก่อนว่าถนนเส้นนี้ สร้างมานานหลายสิบปีในที่ดินโฉนด ” นางเฉลา กล่าว

 

นายมนัส สุขอนุเคราะห์  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4   บ้านหนองบัว กล่าวว่า  เจ้าของที่ดินได้ไปร้องเรียนกรมทางหลวงเพื่อปิดเส้นทาง เมื่อเจ้าหน้าที่นำแบริเออร์มาปิดชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าทำไมต้องปิดถนน  ชาวบ้านจึงมารวมตัวเพื่อรื้อแบริเออร์  สำหรับทางออกของปัญหากรมทางหลวง อบต.ก็จะต้องหารือกับเจ้าของที่ดิน  หากปิดเส้นทางรถยนต์จริงชาวบ้านก็ต้องไปใช้จุดกลับรถถนนเพชรเกษมที่แยกปลาวาฬ พื้นที่ ต.คลองวาฬ ซึ่งไม่ปลอดภัย ส่วนการเปิดเส้นทางให้รถยนต์ผ่านได้กรมทางหลวงน่าจะขยายเส้นทางเดิมได้อีกโดยไม่ล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนด

นายสุพจน์ เสริมทรัพย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่นำแบริเออร์ไปปิดเส้นทางที่ล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนด ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่  19 มกราคม  2567 แต่ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกันมีประชาชนใน ต.เกาะหลัก  ต.คลองวาฬ ฝั่งตะวันตก  ที่ใช้เส้นทางเป็นประจำไปรื้อแบริเออร์  เนื่องจากประสบปัญหาความเดือดร้อนต้องไปกลับรถบนถนนเพชรเกษมโดยใช้เส้นทางหลายกิโลเมตร และบางรายไปกลับรถโดยลอดใต้สะพานร่องแก้ว   สำหรับการทำเส้นทางจุดกลับรถใต้สะพานหนองบัว ที่ผ่านมา ใช้งบของ อบต.เกาะหลัก หรืออาจเป็นงบส่วนตัวของอดีตนายก อบต. หลังจากขออนุญาตจากกรมทางหลวงทถนนใต้สะพาน  โดยดำเนินการก่อนหน้านี้นานกว่า 10 ปี สำหรับการรื้อถนนตามที่เจ้าของที่ดินยื่นเงื่อนไขเป็นหน้าที่ของ อบต.เกาะหลักเนื่องจากถนนอยู่นอกเขตกรมทางหลวง

ด้านนายเมธา ศักดิ์เกิด อดีตปลัด อบต.เกาะหลัก กล่าวว่า  การสร้างถนนคอนกรีตใต้สะพานและจัดที่รุกเข้าไปในเขตโฉนด  ทราบว่ามีการใช้งบส่วนตัวจากอดีตผู้บริหารท้องถิ่นรายหนึ่ง หากเจ้าของที่ดินไม่ยินยอมก็ต้องรื้อเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย  ส่วนการสร้างถนนในซอยความยาวกว่า 200  เมตร เจ้าของที่ดินได้ยกให้เป็นทางสาธารณะ จากนั้นใช้งบ อบต.ทำถนนคอนกรีตตามความกว้างของถนนเดิมซึ่งไม่ใช่เส้นทางที่มีมาตรฐานตามปกติ

////////////////////////////////////////

สุรยุทธ ยงชัยยุทธ รายงาน