สระบุรี  ชาวบ้านข้องใจผู้ใหญ่บ้านลักลอบตักดินในที่ราชพัสดุขายไม่ผิด** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน

แชร์ข่าวนี้

 

สระบุรี  ชาวบ้านข้องใจผู้ใหญ่บ้านลักลอบตักดินในที่ราชพัสดุขายไม่ผิด

ชาวบ้าน ต.เจริญธรรม อ.วิหารแดง จ.สระบุรี รวมตัวร้องสื่อ “มีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่วางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ตักหิน/ดิน ในที่ราชพัศดุ (สนามฟุตบอล) ร.ร.วัดเขาน้อยจอมสวรรค์กว่า 100 รถบรรทุก นำไปขายให้ชาวบ้าน และอีกส่วนหนึ่ง นำไปถมบ้านแม่ตัวเอง แต่ภายหลังยังเรี่ยไรชาวบ้านซื้อดินกลับมาถมดิน (สระ) ทำสนามฟุตบอลแทน เคยพากันเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.วิหารแดง และ จ.สระบุรี เป็น “งง” เมื่อผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ผู้ใหญ่บ้านไม่ผิด

วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ได้มีชาวบ้านในเขต ต.เจริญธรรม อ.วิหารแดง จ.สระบุรี พากันมารวมตัวกันที่บริเวณ ชุมชนกลางหมู่บ้านราว 80 คน นำโดยนายพิชัย สุวรรณ (อดีต) สารวัตรกำนัน นายประยงค์ ป้อมสุวรรณ กรรมการสถานศึกษา นายลี ทานะมัย กรรมการสถานศึกษา ร.ร.วัดเขาน้อยจอมสวรรค์ และชาวบ้านอีกราว 60 คน นำเอกสารหลักฐาน พร้อมคลิปเสียง (การซื้อขายดิน) ร้องเรียน ผู้ใหญ่บ้าน (รายหนึ่ง) ในพื้นที่ ทุจริต นำเครื่องจักรกลเข้าขุดเจาะหิน และตักดิน ที่บริเวณเชิงเขาติดสนามฟุตบอล ร.ร.วัดเจริญธรรม นับ 100 เที่ยว ออกไปขายให้กับชาวบ้าน และ อีกส่วนหนึ่งนำไปถมในพื้นที่มารดาของตัวเอง คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นบาทแต่ไม่ทราบว่านำเงินไปไหน หนำซ้ำหลังขนหิน/ดิน ออกไปแล้ว กลับมาเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านซื้อดินรถละ 600 บาท อีกนับ 100 ราย อ้างว่า เป็นการบำรุงการศึกษาทำเป็นสนามฟุตบอลในที่เดียวกัน โดยมีคนขับรถบรรทุกดิน และคนขับรถไถ ขณะดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวมาให้การยืนยันเป็นพยาน

ด้านนายพิชัย สุวรรณ แกนนำชาวบ้านเปิดเผยว่า เรื่องราวการกระทำไม่ชอบมาพากลของ ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว พวกตนเคยร้องเรียนไปที่ ศูนย์ดำรงธรรม อ.วิหารแดง และ ศูนย์ ดำรงธรรม จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2566 ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการลงโทษผู้ทุจริตด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.พ..2567 พวกตน ได้รับหนังสือ คำชี้แจงในกรณีดังกล่าว จากสำนักงานพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา สระบุรี เขต 2  ว่าผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงขอองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีการขุดดินและขนย้าย เศษหิน/ดินออกนอกพื้นที่ของโรงเรียนนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่าที่ดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่ราชพัสดุ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา   เป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งของโรงเรียน ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว สรุปได้ว่า ไม่มีการจำหน่าย “ดิน หรือวัสดุ”อื่นใดที่ได้จากพื้นที่ราชพัสดุ การขุดดินและขนย้ายดินเป็นการให้อนุญาตให้ผู้ใหญ่บ้านและคณะศิษย์เก่า ดำเนินการปรับเป็นสนามฟุตบอล โดยมีผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ของพื้นที่ออกค่าใช้จ่ายในการขุดดินและขนย้ายดินเอง

นายพิชัยฯ และกลุ่มชาวบ้าน แจ้ง กับผู้สื่อข่าวว่า พวกตนมาร้องเรื่องความไม่โปร่งใส กรณีผู้ใหญ่บ้าน  นำรถแบ็คโฮ มาขุดแย็กหิน จากสนามฟุตบอลโรงเรียน ขุดปรับแล้วขนดินออกไปขายให้ชาวบ้าน รายหนึ่ง 60 เที่ยวในราคาเที่ยวละ 550-600 บาท จำนวน 60 เที่ยวและที่บ้านของมารดาผู้ใหญ่บ้านอีกส่วนหนึ่งรวมแล้วกว่า 100 เที่ยว (รถบรรทุก) แต่ไม่เคยเห็นที่มาที่ไปของเงินจำนวนนี้ แต่ ต่อมา ผู้ใหญ่บ้านรายนี้ ก็ยังได้มาขอเรี่ยไรเงินซื้อดินจากชาวบ้านอีก ซึ่งตนก็ได้บริจาคไปจำนวน 10 เที่ยว (รถ 10 ล้อ) และชาวบ้านคนอื่นๆอีก จำนวนราว 104 เที่ยว โดยชาวบ้านก็คิดว่าเป็นของส่วนรวม คิดว่า เป็นของโรงเรียน การทำบุญ แต่ผู้ใหญ่บ้านทำไม่โปร่งใส ซึ่งเรื่องนี้ พวกตนเคนเข้าร้องที่ ศูนย์ดำรงธรรม แต่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม สอบไม่ตรงประเด็นที่ร้องไป ไม่พบความผิด ชาวบ้านต่างมีความคลางแคลงใจ ว่า “เขาเอาดินไปขาย ทำไมไม่ผิด” ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัว “ผู้ใหญ่บ้าน” ออกมาตอบหรือชี้แจงอะไรหรือไม่ นายพิชัยฯ ตอบว่า ไม่

นายพิชัยฯ กล่าวอีกว่า เมื่อเช้า ( 23 พ.ค.67) ตนได้ไปที่โรงเรียน และ ได้พบ กับ ผอ.โรงเรียนฯ ได้แจ้งให้ตน ทราบว่า ห้ามไม่ให้ชาวบ้าน ที่จะมาร้องเรียนเข้าไป ภายในโรงเรียน โดยแจ้ง อีกว่า ท่าน ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาฯ ต้องการให้เรื่องจบ เมื่อถามว่า การกระทำของ ผู้ใหญ่บ้าน ได้มีการขอนุญาติจากใครหรือไม่ นายพิชัยฯตอบว่า ไม่มี การดำเนินการ ทั้งหมด ที่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อพวกตนไปร้อง ที่ศูนย์ดำรงธรรม แล้ว เป็นการ “ทำเรื่องย้อนหลังทั้งหมด”จึงอยากให้ ผู้สื่อข่าว นำเสนอข้อเท็จจริงให้สังคมทราบ อย่าช่วยคนผิด

ในขณะเดียวในที่ชุมนุมชาวบ้าน มีคนขับ รถบรรทุกดิน และ คนขับรถไถปรับหน้าดิน มาร่วมให้การยืนยันการกระทำของ ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวด้วย

** ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน