สระบุรี-ป้าติ๋ม หญิงไทยคนแรกมีภาพขึ้นบนซอง ช็อกโกแลต Hershey’s แบรนด์ดังระดับโลก **ชาญวิทย์ คำนวณวุฒิ รายงาน**

แชร์ข่าวนี้

ป้าติ๋ม หญิงไทยคนแรกมีภาพขึ้นบนซอง ช็อกโกแลต Hershey’s แบรนด์ระดับโลก ล่าสุดประกาศขายบ้านพักที่สระบุรี 25 ล้านบาท และที่ชลบุรี 16 ล้านบาท หลังจากขายรถโม่ปูนที่ประกอบธุรกิจ จาก 280 คัน เหลือไม่ถึง 10 คันเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ และเลี้ยงหมาจรจัด โชคดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานอาหารเลี้ยงสุนัขให้เดือนละ 100,000 บาท

วันที่ 2 กุมภาพนธ์ 2566 จากกรณีที่มีช็อกโกแลตแบรนด์ดังระดับโลก Hershey’s ติดต่อป้าติ๋ม มาเพื่อขอนำรูปภาพป้าติ๋ม ขึ้นที่หน้าซอง ซึ่งเป็นเคมเปญ สนับสนุนพลังสตรี ซึ่งเคมเปญนี้จะนำภาพสตรีที่มีเรื่องราวในการทำ เพื่อสังคมทั่วโลกมาทำฉลาก สำหรับคนไทย ผู้หญิงที่ถูกเลือกเพียงคนเดียว ก็คือ ป้าติ๋ม กวิพร วินิจเถาปฐม วัย 73 ปี เจ้าของสถานสงเคราะห์สัตว์บ้านนางฟ้าของสัตว์จร โดยได้ขึ้นทะเบียนกับกรมปศุสัตว์ในพื้นที่ไว้แล้ว

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้าน เลขที่  342 ม.9 ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี โดยได้พบ นางกวิพร วินิจเถาปฐม หรือป้าติ๋ม วัย 73 ปี ซึ่งมีลักษณะที่แข็งแรง ร่างเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส มองไม่เห็นความเศร้าหมอง ที่เกิดขึ้นกับตนเอง และนายอนันต์ธรณ์  วินิจเถาปฐม หรือ เทป ซึ่งเป็นลูกชายของ ป้าติ๋ม ในขณะที่ ป้าติ๋ม กำลังสารวน กับการเตรียมอาหาร และหุงข้าวเพื่อไว้เลี้ยงหมา ที่เลี้ยงอยู่ในบ้าน กว่า 70 ตัว และสุนัขจรจัดบนท้องถนนใน อ.แก่งคอย  ป้าติ๋ม เริ่มเลี้ยงหมาตั้งแต่ปี 2546ซึ่งขณะนั้น ป้าติ๋มมีบ้านอยู่ที่ จ.นนทบุรี และเลี้ยงสุนัขจรจัดไว้ในพื้นที่บ้าน ประมาณ 800 ตัว ต่อมา ปี 2554 เจอน้ำท่วมหนัก จึงได้ไปช่วยสุนัขที่ถูกทิ้งไว้ตามที่ที่ถูกน้ำท่วม แล้วนำมาดูแลไว้ที่บ้านอีกจำนวนมาก จนกระทั่ง ปี 2555 จึงตัดสินใจซื้อที่ดิน 30 ไร่ ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลชุมชน แล้วทำคอกให้หมาอยู่การทำคอกหมาบนผืนดิน ผืนใหม่30 ไร่ ที่ป้าติ๋ม เพิ่งซื้อนั้น ป้าติ๋มตั้งใจทำอย่างดีที่สุด เพราะตอนนั้นป้าติ๋ม ยังพอมีกำลังทางการเงินอยู่บ้าง แต่ก็ทยอยขายรถโม่ปูน ที่มีอยู่บางส่วนในการทำธุรกิจ เพื่อนำเงินมาสร้างคอกหมาตามแบบที่ตั้งใจไว้ ซึ่งป่าติ๋ม ยอมรับว่า หมดเงินการสร้างคอกไปราวๆ 100ล้านบาท หลังจากป้าติ๋ม ทำคอกหมา ที่จ.สระบุรี เสร็จแล้ว ป้าติ๋มตัดสินใจขายบ้านที่ จ.นนทบุรี ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง จึงมาซื้อบ้านที่จ.สระบุรี เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ใกล้กับคอกหมาที่ทำไว้ เมื่อระยะเวลาผ่านไปหลายปี ธุรกิจโรงโม่ปูน เริ่มมีปัญหา การเงินที่เคยมีดูแลหมาแมวเริ่มลดลง เมื่อก่อนป้าติ๋มใช้เงินดูแลหมาแมวเดือนหนึ่งหลักล้านบ้าน แต่ทุกวันนี้เริ่มประหยัดแต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 5 แสนบาท

ด้านนางวิพร วินิจเถาปฐม หรือป้าติ๋ม เผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้ร่วมเคมเปญของ Hershey’sส่วนตัวก็ไม่คาดคิดว่าการกระทำของตนเอง จะมีคนสนใจ และนึกถึง ซึ่งครั้งแรกลูกชายของตนได้มาบอกว่า มีช็อกโกแลตHershey’s จะเอาแม่ไปลงในซอง ของช็อกโกแลต ซึ่งตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าที่เลือกตนเองไปลงที่ซองของช็อกโกแลต แล้วจะเป็นอย่างไร ตนเองก็คิดว่าตนเองไม่ใช่ดารา จะไปช่วยยอดขายเขาได้อย่างไร จากนั้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ลูกชายได้โทรมาบอกกับตนเองว่า ซองช็อกโกแลต เฮอร์ชี่ มีรูปแม่ลงไปแล้วนะ จึงให้ลูกชายเอามาดูก็ยังไม่รู้สึกอะไร จนมีเพื่อนส่งไลน์มาให้ดู ว่า ฮือฮา หญิงไทย ซึ่งตนก็งง งง อยู่ว่ามีการเอาไปลงในยูทูปด้วย ตนก็คิดว่าดีเหมือนกัน กับสิ่งที่ตนเองได้ทำ จะมีคนบางพวกที่ไม่เข้าใจ คือไม่รู้ว่าตนเองทำอะไร และทำไปทำไม คือส่งที่ตนเองทำเนื่องจากการที่มีเมตตา และสงสาร และไม่อยากให้มีการเพิ่มจำนวน จึงได้มีการทำหมัน มาได้ประมาณ 20 ปี ส่วนถามว่าตนเองดีใจไหมที่ เฮอร์ชี่ เอารูปไปลง ตนเองรู้สึกว่าดีในแง่ที่ว่า เขาจะได้ช่วยในด้านการประชาสัมพันธ์ ซึ่งตนคิดว่าตนเองน่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งทุกวันนี้อยู่ด้วยความลำบาก ที่ลำบากเพราะว่า เรารับสุนัขมาแล้ว จะทิ้งก็ไม่ได้ และมีค่าใช้จ่ายอยู่ทุกวัน ต้องกินทุกวัน ซึ่งเราจะทำคนเดียวก็ไม่ไหว เพราะสุนัขมันเยอะ ก็จะต้องแรงงานเข้ามาช่วย ทำให้มีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเกือบล้านบาท โชคดีที่ยังได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานค่าอาหารสุนัขให้เดือนละ 100,000 บาท ซึ่งจะพระราชทานให้ทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง โดยได้รับพระราชทานมาตั้งแต่เดือน กันยายน 2564 โดยจะมีรถนำอาหารมาส่งให้ทุกเดือน และก็จะมีผู้แทนพระองค์มาติดตามดูทุกเดือน ซึ่งก็ยังไม่พอที่จะเลี้ยงดูสุนัข ซึ่งอาหารสุนัขที่ใช้เลี้ยงต่อวันๆละ 29 กระสอบ เนื่องจากว่ามีสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นจำนวน 1,200-1,300 ตัว และยังมีแมวที่เลี้ยงไว้อีก 600 ตัว ซึ่งจะเป็นสุนัขที่เจ้าของทิ้งไว้ ถ้าเป็นสุนัขพันธุ์ส่วนมากจะหาบ้านให้ได้

ป้าติ๋ม กล่าวเสริมว่า ตนเองช่วยหมามาตั้งแต่ เดือน ธันวาคม ปี 2546 จากนั้นก็เลี้ยงเลื่อยๆมา ส่วนเงินที่นำมาเลี้ยงก็เป็นเงินที่ตนเองทำธุรกิจ เกี่ยวกับการทำขนส่ง คอนกรีตผสมเสร็จ ซึ่งมีรถโม่ปูนวิ่งรับส่งอยู่ 280 คัน ตอนนี้ขายไปหมดเหลืออยู่ไม่ถึง 10 คัน ตอนนี้ตนเองก็ประกาศขายบ้านที่มีอยู่ในสระบุรี จำนวน 25 ล้านบาท และที่ 4 แยกเนินหิน พนัสนิคม จ.ชลบุรี จำนวน 16 ล้านบาท ซึ่งที่ขายไปก็จะนำเงินมาดูแลสุนัขที่ตนเองเลี้ยงดูอยู่ ให้มันมีชีวิตรอดไปวันๆ ซึ่งจะต้องใช้เงินดูแลทุกวัน ซึ่งตนเองคิดว่าที่ทำเกิดจากความสงสาร และเมตตาต่อสุนัข ส่วนที่ว่าใช้เงินเยอะก็เพราะมีหมาที่อยู่ในความดูแลเยอะ และทำไม่ไหวก็ต้องจ้างแรงงานเข้ามาช่วย ถ้าทำคนเดียวก็ไม่ไหว ส่วนต้องนี้ก้อยากจะหาคนมาซื้อที่ที่บ้านของตน จะได้มีเงินมาเลี้ยงหมา จะได้ไม่ต้องไปขอใครเขา ซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยขอใครเขา ส่วนที่ต้องขอเพราะว่ามีหมามากขึ้น และธุรกิจมันทรุดตัวลงจึงจำเป็นต้องขอ ส่วนผู้ที่ประสงค์จะให้ความช่วยเหลือดูแลสัตว์จรจัด ติดต่อได้ที่เพจ บ้านนางฟ้าของสัตว์จร

ทางด้านนายอนันต์ธรณ์ หรือเทป วินิจเถาปฐม อายุ 34 ปี เล่าว่า ทางช็อกโกแลต เฮอร์ชี่ ได้โทรเข้ามาหาตนเมื่อ กันยายน หรือ เดือนตุลาคม ของปีที่แล้ว โดยบอกว่าสนใจที่จะทำแคมเปญ โดยีแม่ของตน มาเป็นตัวแทนสตรีที่ช่วยเหลือสังคม โดยจะมีการนำภาพของคุณแม่มาลงในหีบห่อ ของ ช็อกโกแลต เฮอร์ชี่ โดยทางเฮอร์ชี่ติดต่อเข้ามาเองโดยที่ตนไม่ได้ขอเข้าไป ในส่วนด้านค่าจ้างค่าโฆษณา ทางเราไม่ได้รับไดๆเลย ซึ่งการที่เขาเอาภาพของแม่ไปลงในซอง ของเฮอร์ชี่ ซึ่งเขาเป็นแบรนด์ระดับโลก มันช่วยทำให้เรามีชื่อเสียง และช่วยให้คนได้รู้จัก ที่จะมาช่วยเหลือทำบุญ หมาแมว จรจัด ซึ่งทางแม่มีอยู่เกือบ 2,000 ตัว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มหาศาลมาก ซึ่งบนซองช็อกโกแลต จะมี คิวอาร์โค๊ต ของซอง ซึ่ง คิวอาร์โค๊ต จะสามารถแสกน และเข้าไปดูขอมูลของเพจได้ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าได้ ต้องประมาณ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือน มีนาคม จึงสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ ซึ่งเป็นข้อมูลเวปไซด์ ของเฮอร์ชี่เอง แต่ภายในก็จะมีข้อมูลของคุณแม่ และของคนอื่นเข้าไปด้วย และจะมีข้อมูลของ บ้านนางฟ้าของสัตว์จร ไปด้วย ซึ่งจะมีการลงในวันสตรีโลก ที่จะเกิดขึ้นต้นเดือนมีนาคม ซึ่งจะมีตัวแทนของสตรี ที่ได้ลงในซองช็อกโกแลต ที่ได้รับการคัดเลือกมาอยู่ในหีบห่อ ซึ่งในแถบเอเชีย ก็จะมี ฟิลิปปิน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ประเทศไทย เวียดนาม และสิงค์โปร ประเทศละ 1 คน

////////////////////////////////////////////////

ชาญวิทย์ คำนวณวุฒิ รายงาน