ผญบ.บางกลอย เปิดใจครอบครัวชาวบ้านขยายเพิ่มขึ้น ที่ดินทำกินจึงไม่เพียงพอ หากภาครัฐจัดสรรดีๆชาวบ้านอาจไม่ไป **บรรณรต รายงาน**

แชร์ข่าวนี้

จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 26/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการให้แก้ไขดำเนินการให้ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย หมู่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จำนวน150คนกลับไปในพื้นที่กลางป่าลึกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มรดกโลกได้ ทำให้เกิดเสียงวิพาก์วิจารณ์ไม่พอใจในคำสั่งดังกล่าวอย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด วันนี้5 พฤษภาคม 2566 ที่หมู่บ้านบางกลอย หมู่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี  นายนิรันดร์ พงษ์เทพ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย เปิดใจว่า  จากกรณีนี้ชาวบ้านประมาณ 30ครอบครัว กว่า100คน ที่จะขึ้นไปอาศัยอยู่ในป่าใจแผ่นดิน จริงแล้วเวลาขึ้นไปอยู่จริงอาจจะไปแค่หัวหน้าครอบครัวที่สามารถทำไร่ปลูกข้าวได้  ส่วนเด็กๆต้องเรียนหนังสื่ออยู่ข้างล่างกับแม่ ส่วนสามีก็ขึ้นไปทำไร่ข้างบน   สำหรับพื้นที่ข้างล่างที่ทางรัฐจัดให้ชาวบ้านทำกินนั้นไม่เพียงพอ และไม่ได้กันทุกคนครอบครัวหลังจากปี พ.ศ.2539 เป็นครอบครัวขยาย   เมื่อครอบครัวขยายเพิ่มขึ้นหัวหน้าครอบครัวไม่มีที่ทำกินทำให้ลูกหลานก็ไม่มีที่ทำกินด้วยจึงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้น     หากมีการจัดสรรที่ดินทำกินให้ครอบครัวที่ขยายเพียงพอปัญหาดังกล่าวจะเบาบางลง  ภาครัฐเข้ามาดูแลคุณภาพชีวิตปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิต  มีน้ำ มีไฟ มีถนนหนทางที่ดีขึ้นชาวบ้านก็อยู่ได้   ชาวบ้านที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน จำนวน57หลังคาเรือน โดยมีอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  จัดสรรปรับพื้นที่ดินทำกินให้ชาวบ้านเพิ่มภายหลังอีกส่วนหนึ่ง   หากแก้ปัญหาครอบครัวขยายได้ครอบครัวขยายกลุ่มนี้จะเป็นตัวดึงพ่อ แม่ไม่ต้องขึ้นไปทำกินด้านบน  อยู่ข้างล่างได้หากได้รับการจัดสรรที่ดี    แต่หากไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินให้ครอบครัวขยายกลุ่มนี้ข้างล่างไม่ได้ ก็ต้องเอาข้างบนทำกิน    เนื่องจากที่ทางภาครัฐจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านทำกิน  บางคนได้ที่ดินทำกิน 7ไร่แต่มีลูก10คน บางคนได้3ไร่บ้าง 2ไร่บ้างได้ไม่เท่ากัน  ตอนนั้นพื้นที่มีจำกัดเจ้าหน้าที่ได้มาปรับพื้นที่ก่อนใช้เชือกดึงวัดพื้นที่ เป็นล็อคๆให้ชาวบ้านทำกิน  สมัยนั้นยังไม่มีGPS และเทคโนโลยี  แต่พอมาสมัยนี้มีGPSวัดค่าพิกัดบางคนได้ที่ทำกินไม่เท่ากัน      พื้นที่ใจแผ่นดินเป็นแนวเขตชายแดนไทยพม่า  ชาวบ้านคงไม่ขึ้นไปทำกิน พื้นที่ที่ชาวบ้านขอทำกินนั้นน่าจะเป็นบางกลอยล่างบนพื้นที่18แปลงตามแผนที่  ที่เจ้าหน้าที่พิกัดไว้ซึ่งเป็นเขตป่าสมบูรณ์มรดกโลก   หากชาวบ้านขึ้นไปทำกินก็จะมีการแผ่วถ่างไร่ พอถึงฤดูกาลก็จุดเผาหยอดเม็ดพันธ์ข้าว  บ้านพักอาศัยไม่ได้ปลูกแบบถาวรปลูกรูปแบบเป็นโรงเรือน หรือเพิงพักเท่านั้น หากภาครัฐจัดพื้นที่ทำกินด้านล่างให้ชาวบ้านดีๆ เด็กๆก็ได้เรียนพอถึงรุ่นพ่อทำไม่ไหว ลูกๆก็จะชวนพ่อลงมาอยู่บ้านโป่งลึก-บางกลอยเอง และไม่ต้องขึ้นไปทำไร่ข่างบนอีกใช้ชีวิตแบบสบายๆ ถนนหนทางดี มีรถใช้ไปหาหมอก็สะดวกสบาย      ตนในฐานะเป็นผู้ใหญ่บ้าน โดยส่วนตัวคิดว่า ไม่อยากขึ้นไปอยู่ด้านบนมันลำบากมาก ปัจจุบันอยู่โป่งลึก-บางกลอย ถือว่าลำบากอยู่แล้ว  ส่วนคนที่อยากคิดขึ้นไปอยู่ด้านบนเป็นเรื่องของส่วนบุคคล ตนไม่สามารถที่จะไปออกความคิดเห็นแทนกลุ่มชาวบ้านเหล่านี้ได้  แต่ตัวเองไม่ไปอยู่ข้างบนแน่นอน  ส่วนหน่อแอะ ก็เดินไม่ได้แต่ก็อยากไปอยู่ด้านบนใจมันอยากไป แต่ร่างกายไม่ไหวเพราะอายุเยอะแล้ว

นายเกษม เท่งทอง อายุ53ปี ประชาชนชาวจังหวัดเพชรบุรี  กล่าว่า เรื่องนี้ตนก็เห็นใจชาวบ้าน ที่มีที่ดินทำกินไม่เพียงพอต่อครอบครัวขยาย   แต่ควรแก้ปัญหาโดยควบคุมประชากรในครัวเรือนไม่ให้เพิ่มขึ้นมากเกินกำลังครอบครัว  หากขึ้นไปอยู่ด้านบนป่าอาจส่งผลกระทบต่อมรดกโลกที่เพิ่งได้มา  อีกทั้งปัจจุบันทุกครอบครัวก็อยู่ภายในกฎหมายเดี่ยวกันหากขึ้นไปได้จะขัดต่อกฎหมายหรือไม่  ปัญหาเรื่องนี้ทุกคนควรหันหน้ามาคุยกันคนละครึ่งทางจะดีกว่า

/////////////////////////////////////////////////////////////////

บรรณรต รายงาน