สระบุรี-กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายชิงทรัพย์กดคอแม่ค้าร้านชำพิการขาขาด **ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน**

แชร์ข่าวนี้

วันที่ 9 ก.ค.65 จากกรณีที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อ Noo Jum ได้โพสต์ข้อความลงในเพจ ที่นี่…แก่งคอย โดยมีข้อความว่า ผู้ใดพบเห็น หรือรู้จักบุคคลนี้ ได้จี้ชิงทรัพย์ร้านค้า จี้คนพิการและทำร้ายร่างกายบริเวณร้านค้าหน้าวัดนาบุญ เวลา 14.26 นาที ใครรู้จักหรือเห็นบุคคลนี้ รบกวนช่วยแจ้งเจ้าของโพสต์นี้ด้วยนะค่ะ #ช่วยแชร์กันเยอะๆนะคะ พร้อมด้วยภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งจากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ว่า  คนร้ายได้ขี่จักรยานยนต์สีดำ น้ำเงิน สวมกางเกงยีน เสื้อยีนแขนยาว รองเท้าผ้าใบสีขาว สะพายกระเป่าด้านหน้า สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ได้ขขี่ผ่านเลยหน้าร้านไป จากนั้นได้วนรถกลับมา เข้าไปที่ร้านค้า โดยใช้เวลาในการก่อเหตุประมาณ 2 นาทีจึงได้ขับขี่จักรยานยนต์ออกไปบนถนนเส้น ป่าไผ่ – นาบุญ

วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ เพื่อสอบถามยัง นาง ชญาภัทร (จุ๋ม) สมิงแก้ว อายุ 37 ปี ผู้โพสต์ข้อความลงในเพลท ที่นี่…แก่งคอย บริเวณร้านค้าหน้าวัดนาบุญ เลขที่ 14/1 ม.10 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี นาง จุ๋ม เล่าว่า เหตุเกิดช่วงเวลา 14.26 น. ของวันที่ 8 ก.ค.65 ซึ่งวันดังกล่าวตนเองไม่ได้อยู่ร้าน เนื่องจากต้องไปทำงานในอำเภอแก่งคอย มีเพียงแม่ที่พิการขาขาด เฝ้าร้านขายของอยู่คนเดียว จากนั้นได้มีเพื่อนบ้านโทรไปบอกว่าแม่ถูกชิงทรัพย์ จึงรีบกลับมาบ้าน และตรวจกล้องวงจรปิด ปรากฏว่ากล้องที่บ้านเสีย จึงได้ตรวจดูตามเส้นทางจึงได้พบว่ามีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้ามา กดหัวแม่และหยิบกระเป๋าเงินไปซึ่งภายในมีเงินอยู่ 1,100 บาท พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย สีเหลือง 1 เครื่อง ขับรถหนีออกไป ซึ่งตนเองได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก่งคอยแล้ว

ทางด้านนาง สมจิตร ศรีชัย อายุ 55 ปี ซึ่งพิการขาขวาขาด เนื่องจากประสบอุบัติเหตุ เมื่อปี 40 ต้องตัดขาทิ้งไม่สามารถลุกเดินไปไหนได้ต้องนั่งรถวิลแชร์ เล่าว่าคนร้ายได้เดินเข้ามาแอบอยู่ตรงข้างห้องที่ตนเองนั่งอยู่โดยโผล่หน้าที่สวมหมวกกันน็อก ทำทีขอซื้อบุหรี่ วันเดอร์แดง โดยบอกว่าตนเองมีแบ็งค์พัน จากนั้นได้เปิดประตูห้อง และเมื่อคนร้ายเห็นเงินที่อยู่ในถาดใส่เงินและบุหรี่ จึงได้เข้ามากดคอตนเองให้ก้มลง พร้อมพูดว่า อย่าร้องนะ จากนั้นคว้าไปที่เงินในถาดยกขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันคนร้ายเหลือบไปเห็นกระเป๋าใส่เงินที่วางอยู่จึงได้คว้าหยิบเอาไป พร้อมถามหาโทรศัพท์ และเมื่อเห็นโทรศัพท์ของตนที่วางอยู่ซึ่งเป็นโทรศัพท์รุ่นเก่ายี่ห้อโนเกียสีเหลืองคนร้ายจึงได้คว้าเอาไปด้วย พร้อมปิดประตูใส่ และขับรถหนีออกไป ตนเองจึงได้คลานไปเรียกเพื่อนบ้านให้ออกมาช่วย  นาง สมจิตร ได้กล่าวเสริมว่า โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำร้ายตนเองให้ได้รับบาดเจ็บ และกระเป๋าเงินอีกใบที่มีเงินอยู่ 2 พันกว่าบาทที่คนร้ายมองไม่เห็นเลยไม่ได้เอาไป ซึ่งตนเองคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่เคยมาเติมน้ำมันรถกับตน แล้วบอกว่าไม่ได้เอาเงินมา จึงขอเอาโทรศัพท์ไว้ที่ร้านก่อน เพื่อที่จะกลับไปเอาตังมาจ่าย จากนั้นกลับมาบอกว่ากระเป๋าตังหาย โดยเอาโทรศัพท์ไว้กับตนเองก่อน ซึ่งตนคิดว่าคนร้ายที่เข้ามากดคอตน แล้วเอาเงินไปนั้น น่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่มาเติมน้ำมันแล้วเอาโทรศัพท์โนเกียสีฟ้ารุ่นเก่าให้ยึดไว้เป็นหลักประกัน วันนี้คนร้ายถึงได้ถามหาโทรศัพท์ ซึ่งโทรศัพท์ที่คนร้ายหยิบไปเป็นของตนเอง แต่โทรศัพท์ที่ให้ยึดไว้เป็นหลักประกันนั้นอยู่ตรงขอบประตูห้อง หลังเกิดเหตุตนจึงได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบ

////////////////////////////////////////////////

ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ รายงาน