บก.ตม.5 จัดประชุมซักซ้อมความเข้าใจและกำหนดมาตรการในการคัดกรองคนต่างด้าว ของตม.จว.เชียงใหม่ !!

แชร์ข่าวนี้

“บก.ตม.5 จัดประชุมซักซ้อมความเข้าใจและกำหนดมาตรการในการคัดกรองคนต่างด้าว ของตม.จว.เชียงใหม่ !!

สืบเนื่องจากคนต่างด้าวที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครในมูลนิธิ หรือเข้ามาศึกษาในสถานศึกษาของรัฐหรือเอกชน บางคน บางกลุ่ม อาศัยสิทธิเพื่อให้ได้มาซึ่งวีช่าในการอยู่ในราชอาณาจักร แต่มีพฤติกรรมแอบแฝงกระทำความผิดกฎหมาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม หรือแอบแฝงเข้ามากระทำผิดกฎหมายในด้านอื่นๆ เป็นจำนวนมาก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหามาตรการป้องกันการแอบแฝงเข้ามาอยู่ของคนต่างด้าวในลักษณะดังกล่าวพล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฆ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 สังการให้หน่วยงานในสังกัดเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบเอกสารการขออยู่ต่อ สร้างความรับรู้ให้กับสถานศึกษา มูลนิธิ สมาคม เพื่อมิให้คนต่างด้าวใช้เป็นเหตุผลในการแอบแฝงเข้ามากระทำความผิด

ตม.จว.เชียงใหม่ โดย พ.ต.อ.วีรวัฒน์ นิลวัตร ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดจึงได้จัดประชุมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ สมาคมและเจ้าหน้าที่จากสถานศึกษาของรัฐหรือเอกชน ในหัวข้อ “การประชุมซักซ้อมความเข้าใจ และกำหนด
มาตรการในการคัดกรองคนต่างด้าว” จัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย.2565 ณ ห้องประชุม NSP RICE GRAIN AUDITORUM อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU STeP) จว.เชียงใหม่

โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ดังนี้
1.มูลนิธิ 112 คน
2.โรงเรียนในระบบ 157 คน
3.โรงเรียนนอกระบบ 36 คน
4.ผู้สังเกตการณ์
– สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ 5 คน
– สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดเชียงใหม่ 4 คน
– สำนักงานปกครองจังหวัดเชียงใหม่ 1 คน

ตม.จว.เชียงใหม่ หวังว่ามาตรการการซักซ้อมเพื่อเป็นการป้องกันมิให้คนต่างด้าวใช้เหตุผลในการขอออยู่ต่อในมูลนิธิ และสถานศึกษาแอบแฝงเข้ามาอยู่ในประเทศไทยและกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและติดตามพฤติการณ์คนต่างด้าวอย่างใกล้ชิด หากพบว่าอยู่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ หรือกระทำผิดกฎหมาย จะเสนอให้มีการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และบันทึกข้อมูลเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรต่อไป