หลวงพ่อจี้กงพร้อมชาวบ้าน ค้านเหมืองหิน  ยันไม่เอาวอนรัฐพิจารณาผลกระทบรอบด้าน

แชร์ข่าวนี้

 

หลวงพ่อจี้กงพร้อมชาวบ้าน ค้านเหมืองหิน  ยันไม่เอาวอนรัฐพิจารณาผลกระทบรอบด้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองไม่แก่น ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์  กว่า 300 คนเดินทางมาร่วมคัดค้านโครงการทำเหมืองแร่หินแกรนิต ของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านหนองไม่แก่น โดยการชูป้ายข้อความ”พวกเราไม่เอาเหมืองหิน” ก่อนการเข้าประชุมรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านที่บริษัทฯ จัดขึ้นในบริเวณพื้นที่โรงเรียนบ้านทุ่งเคล็ด ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบฯ

 

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงเข้าสังเกตการณ์ ขณะที่กลุ่มชาวบ้านตั้งโต๊ะเพื่อร่วมกันลงรายชื่อคัดค้านโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งให้หน่วยงานรัฐรับพิจารณา โดยหนึ่งในนั้นมีหลวงพ่อจี้กง(พระเกษตร ปคุโณ)ที่เป็นกระแสโด่งดังในโซเชี่ยนเป็นผู้ดูแลสำนักสงฆ์เขาหินเทินแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดประจวบฯ เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง หากมีการระเบิดชั้นหินเพื่อนำมาแปรรูป โดยหลวงพ่อได้เดินทางมาร่วมลงรายชื่อเพื่อคัดค้านไม่ให้บริษัทดังกล่าวเข้าทำเหมืองแร่ เนื่องจากลักษณะพื้นที่โดยรอบบริเวณสำนักสงฆ์อยู่ไม่ห่างจากแหล่งชุมชนที่จะเกิดเหมืองแร่ อาจเกิดแรงสั่นสะเทือนหากมีการระเบิดชั้นหินหรือการนำเอาเครื่องจักกรเข้ามาประกอบกิจการเหมืองแร่ เนื่องจากลักษณะชิ้นหินแต่ละก่อนตั้งเกยกันไปมาอย่างเป็นธรรมชาติหลายจุดอาจเกิดการถล่มลงมา

รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้ ขณะที่ชาวบ้านหลายครัวเรือนในพื้นที่บางรายไม่ทราบว่า ก่อนหน้ามีการขออนุญาตสำรวจแร่หินในพื้นที่หมู่ 7 บ้านหนองไม้แก่น โดยมีองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ เซ็นอนุมัติให้ดำเนินการเข้าสำรวจโดยผ่านพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้านเมื่อ2ปีก่อน เข้าใจว่าเป็นการเข้าสำรวจแร่หินตามปกติ  ต่อมามีการนำเอกสารจากหน่วยงานมาปิดประกาศไว้ที่บริเวณศาลาเอนกประสงค์ของชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นการทำโครงการเหมืองแร่ดังกล่าว โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่าการกระทำของหน่วยงานรัฐบางรายนำเอกสารมาปิดเพื่อลักหลับชาวบ้านนั้น  มีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้บริษัทดังกล่าวเข้าลักหลับชาวบ้าน โดยการจัดทำประชาพิจารรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านส่วนน้อยที่ไม่ได้รับผลกระทบหรือไม่  และหากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องยังคงดันโครงการเหมืองแร่ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านหนองไม้แก่นโดยไม่ฟังเสียงของประชาชน และเสียงคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่โดยรวม และหากบริษัทฯยังคงใช้เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่บางราย เป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยกภายในชุมชน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์อาจเกิดปัญหาขัดแย้งภายในชุมชนและครอบครัวโดยรวมเหมือนเช่นอดีตเคยมีโครงการจัดทำประชาพิจารโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่หมู่7บ้านหนองไม้แก่นมาก่อนหน้า

นายกิตติ นามบุญลือ ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงหากมีการทำเหมืองแร่ดังกล่าว เปิดเผยว่า จากการศึกษาโดยภาพรวมยังทราบว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างภายในประเทศนั้น ทรัพยากรแร่หินเพื่อการผลิตอุตสาหกรรมภายในประเทศและเพื่อการส่งออกยังคงเพียงพออีกหลายร้อยปี จึงไม่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการเปิดเหมืองแร่แห่งใหม่เพื่อนำมาแปรรูป และหากการให้อนุญาต บริษัท ดังกล่าว เข้าสำรวจแร่หินในพื้นที่กว่า 733 ไร่ 3 งาน 63 ตารางวา โดยมีการอนุญาตให้เข้าสำรวจเมื่อปี 64 นั้น และมีเงื่อนไขข้อตกลงหลังเข้าแผ้วถางผืนป่าบางส่วนเพื่อเจาะสำรวจหาแร่บางชนิดในพื้นที่บ้านหนองไม้แก่นนั้น  เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะต้องทำการฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสภาพเดิม

โดยจะไม่มีการรุกล้ำลำห้วย ทางสาธารณะ และพื้นที่ทำกินทางการเกษตรของชาวบ้าน แต่ไม่มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว และไม่มีการแจ้งประสงค์เพื่อประโยชน์ได โดยชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นการเจาะสำรวจค่าแร่ตามปกติ จึงไม่ติดใจ หากการกระทำเช่นนี้มองว่า บริษัทฯไม่เห็นความทุกร้อนของชาวบ้านที่มีอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก  ทั้งยังแอบลักหลับชาวบ้านโดยการแอบทำประชาพิจารรับฟังความคิดเห็นโดยไม่มีการประกาศแจ้งให้ชาวบ้านทราบล่วงหน้า มีเพียงการปิดประกาศแค่2วันก่อนการประชุม

จึงมองว่าโครงการเหมืองแร่ดังกล่าว อาจมีความไม่ชอบธรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางจากภาครัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ความช่วยเหลือไปจนถึงกระบวนการออกประทานบัตรให้กับ บริษัท เพื่อดำเนินการทำเหมืองแร่หรือไม่ และหากการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้านนั้นดำเนินการได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมทั้งการดำรงวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนที่เคยเป็นอยู่อาจเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน นายกิตติกล่าว

ขณะที่บรรยากาศของการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่บริเวณโรงเรียนบ้านทุ่งเคล็ด เป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากมีชาวบ้านทั้งสองกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยชาวบ้านที่คัดค้านนำป้ายขึ้นมาแสดงจุดยืนมีข้อความว่า”พวกเราไม่เอาเหมืองหิน” และ”พวกเราขออนุรักษ์ป่าต้นน้ำให้เป็นสมบัติของชาติสืบต่อไป” ผู้สื่อข่าวสอบถามความเห็นกลุ่มชาวบ้านบางรายขณะรอเข้ารับฟังความคิดเห็นการจัดทำโครงการเหมืองแร่ดังกล่าว

โดยชาวบ้านบางรายให้ความเห็นว่า  ตนเป็นลูกเกิดในชุมชนหลังทราบข่าวจากผู้ใหญ่บ้านแจ้งให้ลูกบ้านเข้ารับฟังความคิดเห็นการทำโครงการเหมืองแร่ เพียงไม่กี่วัน เนื่องจากไม่ทราบข้อมูลมาก่อนว่าจะมีการเข้าทำเหมืองแร่ในถิ่นเกิดของตน จึงเดินทางมาเพื่อร่วมคัดค้าน โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยในสุขภาพคนในครอบครัวและชุมชน และมีผู้สูงอายุหลายคนอาศัยอยู่  หากการขนถ่ายแร่หินขาดการควบคุมปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากการขนถ่ายแร่หิน เนื่องจากยังต้องใช้เส้นทางในชุมชนอาจส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศในระยะยาว หากปล่อยให้เกิดโครงการเหมืองแร่ในพื้นที่ ชาวบ้านและชุมชนอาจได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน จึงอยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องพิจราณาผลได้ผลเสียของชุมชนและประชาชนโดยรวม ก่อนจะออกประทานบัตร อนุญาตให้ดำเนินการตามโครงการดังกล่าว

** ทีมข่าวเฉพาะกิจ / จ.ประจวบคีรีขันธ์